เลขาธิการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) สรุปภาพรวมผลงานด้านเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาล"สุรยุทธ์"ดันจีดีพีปี 50 โตได้สูงกว่าคาดการณ์ที่ 4.6% รายงานที่ประชุมร่วมนายกฯและเอกชนบ่ายนี้ ส.อ.ท.พร้อมร่างข้อเสนองานเร่งด่วนรอรัฐบาลใหม่ สานต่อ"อยู่ดีมีสุข" ผลักดันเมกะโปรเจ็คต์ พัฒนาโลจิสติกส์ ขยายเวลาเงินกู้ SME ผลักดันโครงการลงทุนภาครัฐและเอกชน
"ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จ เห็นได้จากจีดีพีในปี 50 ที่เคยคาดว่าจะขยายตัว 4.5% แต่เมื่อดูตัวเลขใน พ.ย.และ ธ.ค.เชื่อว่าไตรมาส 4/50 น่าจะโตได้เกิน 5% ภาพรวมทั้งปีอาจสูงกว่า 4.6% ปัจจัยหลักคือการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี การบริโภคและการลงทุนก็มีเพิ่มขึ้น"นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ สภาพัฒน์ กล่าวก่อนการประชุมร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับภาคเอกชน
นายอำพน กล่าวว่า สภาพัฒน์จะเสนอผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาของรัฐบาลและแผนงานที่จะต้องเร่งทำในปี 51 โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้า 5 สาย และการสานต่อยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อเสนอที่สภาพัฒน์จะเสนอต่อที่ประชุมวันนี้ เช่น ข้อเสนอเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการ ทั้งการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรม สนับสนุนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัดและชุมชน, เร่งรัดเบิกจ่ายงบรัฐและรัฐวิสาหกิจ, เร่งปรับโครงสร้างภาคการผลิตและบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามาถรการแข่งขันประเทศ เช่น การผลิตภาคเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ส่งเสริมส่งออกตลาดใหม่ โดยเฉพาะตะวันออกกลาง อาฟริกา ยุโรปตะวันออก , ส่งเสริมท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวจากที่ชะลอตัวไปในปี 50 การเร่งรัดพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนอย่างตอ่เนื่อง
ส่วนเรื่องที่จะต้องผลักดันให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินการ เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เพื่อให้โอกาสการขยายตัวของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาคอสังหาริมทรัพย์ หรือการก่อสร้าง โดยจะต้องเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้า 5 สายที่จะต้องให้มีการประมูลให้เสร็จสิ้นภายในปี 51
นอกจากนั้น ต้องเร่งรัดกระบวนการของภาครัฐและในการลงทุนของเอกชน เพื่อให้เกิดการลงทุนได้ต่อเนื่องในปี 51 โดยเฉพาะกระบวนการที่เกี่ยวกับการอนุมัติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(สวล.) รวมถึงการตีความเร่งรัดโครงการที่ได้รับอนุมัติจากบีโอไอ การส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะภาคการค้าบริการในประเทศเพื่อนบ้าน จีน อินเดีย สหรัฐและยุโรป ภาคเอกชนควรจะเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตและบริการ โดยเปลี่ยนมาใช้แรงงานที่มีทักษะ
นายสันติ วิลาศศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนจะส่งข้อเสนอต่าง ๆ ที่จะสนับสนุนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ การพัฒนาเซาเทิร์นซีบอร์ด การต่ออายุกองทุนช่วยเหลือ SME ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทไปถึง 31 ธ.ค.51 เนื่องจากกองทุนดังกล่าวยังเหลือเงินอีก 3.27 พ้นล้านบาท ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องคงจะต้องหารือกันว่าเหตุใดจึงปล่อยกู้ได้น้อย โดยจะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)อีกครั้งหนึ่ง
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--