นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับภาคประชาสังคม ที่มีความเห็นต่างเรื่องการจดสิทธิบัตรกัญชาว่า ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง ในประเด็นการจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา และสิทธิบัตรที่มีสารสกัดจากกัญชาเป็นองค์ประกอบ รวม 13 คำขอ โดยได้ข้อสรุปให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาและภาคประชาสังคมไปทำงานร่วมกัน และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่แต่ละฝ่ายมี เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์สูงสุดในการแก้ไขปัญหาการจดสิทธิบัตรกัญชา และให้เป็นไปตามกฎหมาย และหลักสากล
"ที่มีปัญหาความเห็นไม่ตรงกันอยู่ 13 คำขอ ที่ยื่นขอจดสิทธิบัตรทั้งสารสกัดกัญชา และองค์ประกอบที่มีสารสกัดกัญชาเป็นส่วนผสม ซึ่งได้ให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา ไปหารือกับภาคประชาสังคม ก็ให้ไปหาทางออกร่วมกันว่าจะทำยังไง โดยให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด ส่วนจะยกเลิกคำขอหรือไม่ อยู่ที่การหารือ" นายสนธิรัตน์กล่าว
สำหรับอีก 20 คำขอจดสิทธิบัตรที่ไม่มีสารสกัดจากกัญชาเป็นองค์ประกอบ แต่เป็นสารสังเคราะห์ที่เกิดจากการนำสารอื่น ๆ มาสังเคราะห์แล้วได้สารใหม่ที่มีโครงสร้างคล้ายกัญชานั้น ในที่ประชุมไม่มีใครติดใจยื่นจดสิทธิบัตรของต่างชาติ ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ ตนได้สั่งการให้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ใช้อำนาจตามมาตรา 30 พ.ร.บ.สิทธิบัตร ยกเลิกคำขอ 1 คำขอที่จดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา ซึ่งเป็น 1 ใน 13 คำขอที่มีปัญหานั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะตามกฎหมายมีขั้นตอนต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด ไม่สามารถยกเลิกได้ทันที ตามที่ภาคประชาสังคมต้องการ
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดี สถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ภาคประชาสังคมต้องการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญายกเลิกคำขอจดสิทธิบัตร 13 คำขอในทันที และไม่มีเงื่อนไข เพราะเป็นคำขอที่ขัดต่อพ.ร.บ.สิทธิบัตร มาตรา 5, มาตรา 9 (1) (4) (5) ที่กำหนดห้ามจดสิทธิบัตรสารสกัดจากธรรมชาติ และขัดต่อศีลธรรมอันดี อนามัย และสวัสดิภาพของประชาชน เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติด และไทยยังห้ามการทดลองใช้กับคน หากรับจดสิทธิบัตรจะเกิดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างต่างชาติกับคนไทย ซึ่งทางออก คือ ต้องยกเลิกเท่านั้น โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา ต้องมีคำตอบภายใน 7 วัน ไม่ควรจะใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี
สำหรับสาเหตุที่ต้องให้ยกเลิกทั้ง 13 คำขอ เพราะไม่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้น ทั้งขัดพ.ร.บ.สิทธิบัตร ผิดพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และขัดรัฐธรรมนูญในเรื่องความไม่เสมอภาคในการจดสิทธิบัตร จึงทำได้เพียงอย่างเดียว คือ ยกเลิกคำขอทั้งหมด
"13 คำขอ ต้องคุยกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาอีกรอบ ยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังคุยกันได้ในรายละเอียด อะไรที่ยังเป็นปัญหาและมองต่างกัน จะแก้ไขทีละเปราะ แต่กรมฯ ต้องมีคำตอบภายใน 7 วันว่าจะยกเลิกหรือไม่ ถ้าไม่ยกเลิกภายใน 7 วัน จะฟ้องต่อศาลปกครอง และศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เพื่อให้เพิกถอนคำขอจดสิทธิบัตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จากที่ก่อนหน้านี้ ได้ไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ให้เอาผิดอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ไม่ยกเลิกคำขอจดสิทธิบัตรมาแล้ว" นายปานเทพกล่าว
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ กำลังจะมีผลบังคับใช้ หากไม่ยกเลิกคำขอจดสิทธิบัตร จะทำให้ผู้จดสิทธิบัตรชาวต่างชาติได้ประโยชน์ทันที และการจะรับจดสิทธิบัตร ต้องใช้กฎหมายภายในของไทยเป็นหลัก ไม่ใช่ให้ข้อตกลงระหว่างประเทศมามีอำนาจเหนือกฎหมายไทย อย่างกรณีสหรัฐฯ การรับจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา ก็ให้ทำได้หลังจากอนุญาตให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์แล้ว