นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ได้หารือกับ นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะผู้บริหารสภาหอการค้าฯ ในประเด็นเศรษฐกิจที่ไทยเสนอให้สมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ร่วมขับเคลื่อนผลักดันให้ประสบความสำเร็จในช่วงที่ไทยเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ภายใต้แนวคิด "ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน" ใน 3 ด้าน ประกอบด้วย (1) การเตรียมความพร้อมอาเซียนรองรับอนาคต (2) ความเชื่อมโยง (3) ความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม ให้มีศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมเตรียมรับมือและปรับตัวรองรับการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ภาคเอกชนเห็นด้วยว่าประเด็นเหล่านี้เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการ เนื่องจากเป็นเรื่องที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันและลดต้นทุนของผู้ประกอบการ เช่น การเตรียมทรัพยากรมนุษย์ของอาเซียนรับมือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่มีการนำออโตเมชั่น หุ่นยนต์ ระบบดิจิทัลเข้ามาทำงานร่วมกับมนุษย์หรือแทนมนุษย์ การเชื่อมโยงเอกสารผ่านพิธีการทางศุลกากรโดยเฉพาะใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างอาเซียน 10 ประเทศให้สำเร็จในปี 2562
โดยปัจจุบันสามารถเชื่อมโดยกันได้แล้ว 5 ประเทศ คือ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ส่วนอีก 3 ประเทศ คือ บรูไน กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อยู่ระหว่างทดสอบระบบ และเหลือที่ต้องร่วมกันสนับสนุนให้ สปป.ลาว และเมียนมา เชื่อมโยงให้ได้ เพื่อขับเคลื่อนการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซป) หาข้อสรุปและปิดรอบให้ได้ในปี 2562 ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารในอาเซียน และพัฒนาความร่วมมือระหว่างอาเซียนเพื่อให้เกิดการประมงที่ยั่งยืน เป็นต้น
"ในปี 2562 ที่ไทยเป็นประธานอาเซียน กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อขับเคลื่อนประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการของไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม ซึ่งภาคเอกชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมให้ข้อเสนอแนะผ่านตัวแทนภาคเอกชนไทยในเวทีอาเซียน หรือสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ประเทศไทย) ได้ ตลอดจนสามารถแจ้งหรือหารือกับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้โดยตรง และเนื่องจากในปีที่ไทยเป็นประธานนี้ เป็นช่วงที่เทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมทางการค้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก ไทยจึงให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการอาเซียนรับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในเอเชีย มูลค่าการค้ารวม 2.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ รองจากจีนและอินเดีย สามารถปรับตัวรองรับสภาพเศรษฐกิจการค้าโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว" นางอรมน กล่าว
สำหรับอาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ซึ่งมีสัดส่วนการค้าสูงถึงร้อยละ 22.7 ของการค้าไทยกับโลก โดยการค้าระหว่างไทยกับอาเซียนในช่วง 11 เดือนของปี 2561 (มกราคม-พฤศจิกายน) มีมูลค่าการค้ารวม 105,427 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 14.3 มูลค่าการส่งออกจากไทยไปอาเซียนในช่วง 11 เดือนของปี 2561 เท่ากับ 63,105 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 42,321 ล้านเหรียญสหรัฐ