เมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่สุดของโลก เปิดเผยว่า บริษัทมียอดขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4 ที่ 9.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 12.01 ดอลลาร์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับผลกำไรในปีก่อนที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.41 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ยอดขาดทุนครั้งนี้เป็นการขาดทุนรายไตรมาสที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งบริษัทเมื่อ 94 ปีที่แล้ว หลังจากที่บริษัทต้องตั้งสำรองหนี้สูญเป็นวงเงินสูงถึง 1.46 หมื่นล้านดอลลาร์ จากการลงทุนในตลาดสินเชื่อ
ทั้งนี้ เมอร์ริล ลินช์ เป็นวาณิชธนกิจรายที่ 3 ของ 5 วาณิชธนกิจรายใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีทที่เปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 4
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดว่าตัวเลขขาดทุนของเมอร์ริล ลินช์ จะอยู่ที่ 4.93 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่สามารถคาดการณ์ตัวเลขขาดทุนได้อย่างถูกต้องมานับตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน เนื่องจากวาณิชธนกิจหลายแห่งมีการตัดบัญชีหนี้สูญจำนวนมากและมีการระดมทุนใหม่ๆ เพื่อพยุงกิจการให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้
โดยเมื่อไม่นานมานี้ เมอร์ริล ลินช์ ระดมเงินทุนใหม่ได้เกือบ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกองทุนในสิงคโปร์ เกาหลีใต้ และคูเวต
การเปิดเผยยอดขาดทุนของเมอร์ริล ลินช์ ส่งผลให้ราคาหุ้นเมอร์ริล ลินช์ร่วงลงถึง 10% เมื่อคืนนี้ และเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 306.95 จุด หรือ 2.46% แตะระดับ 12,159.21 จุด สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--