นางปานทิพย์ ศรีพิมล ที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) หรือ Ibank ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว เนื่องจากฐานะทางการเงินในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งแล้ว
ทั้งนี้จากการเพิ่มทุนในช่วงปลายปี 61 ทำให้ผลประกอบการของ ธอท.ในปี 61 มีกำไรสูงกว่าแผนงาน แต่ยังมีระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Finance : NPF) สูงกว่าแผนเล็กน้อย
"คนร.เห็นว่าธนาคารอิสลามฯ มีผลประกอบการที่ดีมีกำไรแล้ว และมีการปรับปรุงระบบการทำงาน ซี่งจะช่วยแก้ปัญหาในอดีตและสร้างความยั่งยืนในการประกอบกิจการในอนาคตได้ จึงมีมติเห็นชอบให้ธนาคารอิสลามฯ ออกจากกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่ต้องจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร และมอบหมายให้กระทรวงการคลังกำกับดูแล ธอท.ให้สามารถดำเนินการตามแผนงานต่อไป" นางปานทิพย์ กล่าว
ส่วนรัฐวิสาหกิจที่เหลืออีก 5 แห่ง ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร ดังนี้
1.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รายงานความคืบหน้าการควบรวมกิจการของ บมจ.ทีโอที (ทีโอที) และ บมจ.กสท โทรคมนาคม ซึ่งการดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ติดอยู่เพียงเรื่องคดีความข้อพิพาทต่างๆ ที่จะต้องมีการพิจารณาต่อไป โดยพนักงานทั้งหมดของ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสทฯ จะโอนมาเป็นพนักงานของบริษัทใหม่ที่จะประกอบกิจการใน 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.โครงสร้างพื้นฐาน 2.โครงข่ายสื่อสารระหว่างประเทศ 3.บรอดแบนด์และโทรศัพท์พื้นฐาน 4.โทรศัพท์เคลื่อนที่ และ 5.การให้บริการด้าน Digital
โดยคณะทำงานเตรียมการรวมกิจการฯ ได้จัดทำแผนธุรกิจของบริษัทใหม่ ระหว่างปี 62-67 เสร็จแล้ว และบริษัทใหม่จะสามารถจัดตั้งและเริ่มดำเนินการได้ภายใน 6 เดือน นับจากคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ
2. บมจ.การบินไทย (THAI) ได้รายงานแผนแก้ไขเพิ่มเติมที่จะช่วยให้มีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมาย โดย คนร.ได้มอบหมายให้เร่งจำหน่ายเครื่องบินที่ปลดระวาง และสร้างความชัดเจนถึงการดำเนินการร่วมกับบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด และบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) รวมทั้งให้ บกท. ดำเนินการตามแผนงานที่ได้นำเสนออย่างเคร่งครัด
3.การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รายงานการดำเนินการตามแผนต่างๆ ทั้งในด้านการลงทุนต่างๆ การบริหารทรัพย์สิน และการจัดตั้งบริษัทลูกในการเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงและการบริหารทรัพย์สิน รวมทั้งการนำส่งงบการเงินให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบครบถ้วนแล้ว ทั้งนี้ คนร.ให้ รฟท.นำเสนอการพัฒนาโครงสร้างทางคู่และทางสายใหม่ทั้งหมดให้ได้ภายในปีนี้ และให้มีการนำเชื้อเพลิง B20 มาใช้ด้วย
4.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รายงานการรับมอบรถโดยสาร NGV แล้วจำนวน 300 คัน และคาดว่าจะรับมอบส่วนที่เหลือ 189 คันได้ภายในเดือน มี.ค.62 และจะสามารถจัดหารถครบ 3,000 คันได้ภายในปี 2565 พร้อมกันนี้ได้มีการติดตั้งระบบ GPS ในรถที่มีอยู่ในปัจจุบันครบถ้วนแล้ว สำหรับการนำน้ำมัน B20 มาใช้คาดว่าจะดำเนินการได้ครบทุกคันในเดือน ก.พ.62 แต่ยังคงมีความล่าช้าในการติดตั้งระบบ E-Ticket และ ขสมก.ได้นำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการให้กระทรวงคมนาคมเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างหลักการและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีในรัฐวิสาหกิจที่ได้ปรับปรุงจากหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจปี 2552 ให้สอดคล้องกับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดีของรัฐวิสาหกิจของสากล รวมทั้งการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปัจจุบัน และมอบหมายให้ สคร.ในฐานะเลขานุการ คนร.นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
พร้อมทั้งเห็นชอบหลักการในการปรับปรุงอัตราและหลักเกณฑ์ในการจ่ายค่าตอบแทนกรรมการรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้มีมาตรฐานและสอดคล้องกับประเภทและกิจการของรัฐวิสาหกิจในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ คนร. มีข้อสังเกตให้มีการพิจารณาหลักการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับลักษณะและผลประกอบการของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งให้เหมาะสม