เจนเนอรัล มอเตอร์ คอร์ป เปิดเผยว่า สัญญาใหม่ของบริษัทกับสหภาพยานยนต์สหรัฐ (UAW) จะช่วยลดต้นทุนแรงงานในสหรัฐต่อปีของบริษัทได้ 5 พันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงปี 2554 แต่อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้นำของบริษัทเชื่อว่า การลดต้นทุนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถช่วยเพิ่มผลกำไรให้กับจีเอ็มในอเมริกาเหนือได้
ริค วาโกเนอร์ ประธานและผู้บริหาร และฟริทซ์ เฮนเดอร์สัน ห้วหน้าฝ่ายการเงินกล่าวกับบรรดานักวิเคราะห์หลักทรัพย์ยานยนต์ในที่ประชุมที่เมืองเดียร์บอร์น ของดีทรอยต์ว่า ทั้งสองคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงในปี 2551 แต่จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย
ผู้บริหารทั้ง 2 รายกล่าวว่า บริษัทจะได้รับประโยชน์จากการทำสัญญาด้านแรงงานและการปรับลดต้นทุนอื่นๆ นับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตอย่างหนักกับบริษัทในปี 2548 โดยขาดทุนไปกว่า 10 ล้านดอลลาร์ และขณะนี้จีเอ็มได้รอดพ้นจากภาวะวิกฤตนั้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารทั้งสองกังวลว่า ราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น ภาวะสินเชื่อตึงตัว ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง และต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดแผนฟื้นฟูกิจการ
วาโกเนอร์กล่าวว่า ประโยชน์จากการปรับลดต้นทุนจะเกิดขึ้นจากการบรรลุข้อตกลงใหม่กับยูไนเต็ด ออโต้ เวิร์กเกอร์สเมื่อปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ จีเอ็มยังได้คาดการณ์ว่า การจ่ายค่าแรงรายชั่วโมง รวมถึงเงินบำนาญ และการบริการด้านการแพทย์ของบริษัทในสหรัฐจะปรับตัวลดลงจากระดับโดยเฉลี่ยที่ 7 พันล้านดอลลาร์ต่อปีเมื่อ 15 ปีที่แล้ว มาอยู่ที่ระดับประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปีในปี 2553 สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--