ธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) คาดเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 4% ต่ำกว่าที่ทางการคาด 4.7-5% และต่ำกว่าที่ธนาคารคาดว่าปี 50 จะโต 4.2% เนื่องจากมองว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะผลกระทบที่มีต่อภาคการส่งออก และการเมืองหลังการเลือกตั้งยังไม่ชัดเจน ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งค่าเงินบาทจะแข็งค่าต่อเนื่องทดสอบระดับ 32.50 บาท/ดอลลาร์ ก่อนอ่อนค่าในช่วงครึ่งหลังของปี
น.ส.อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด(ไทย)กล่าวในการสัมมนา"เศรษฐกิจโลกปี 51"ว่า ทางการควรจะใช้นโยบายการเงินเข้ามากระตุ้นในช่วงที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในทิศทางเดียวกับธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เพราะขณะนี้เงินเฟ้อไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เนื่องจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะราคาน้ำมัน เป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้อยู่แล้ว และเป็นปัญหาเดียวกับทั่วโลก
การลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นให้ภาคเอกชนและผู้บริโภคมั่นใจและใช้จ่ายมากขึ้น เพราะกว่าที่รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาและสามารถดำเนินนโยบายด้านการคลังได้ก็คงเกิดขึ้นในราวไตรมาส 2/51 เป็นต้นไป ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจจะมีการปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณรายจ่าย เพื่อหวังกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างมากลงไปถึง 3% จาก 4.25% ในปัจจุบัน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงมาก
สำหรับค่าเงินบาท มองว่าครึ่งปีแรกยังคงแข็งค่าตามเงินสกุลอื่น ๆ ของโลก เนื่องจากแนวโน้มเงินดอลลาร์มีทิศทางอ่อนค่าลง คาดว่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าทดสอบระดับ 32.50 บาท/ดอลลาร์ แต่คาดว่าจะเห็นเงินบาทอ่อนค่าลงระดับ 34 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงครึ่งหลังของปี 51 เนื่องจากการส่งออกลดลง และบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลลดลง
น.ส.อุสรา กล่าวว่า สัญญาณการส่งออกในเอเชียเริ่มเป็นแนวโน้มการชะลอตัว จากสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีอัตราการส่งออกลดลง ฉะนั้น การส่งออกของไทยในปีนี้ยากที่จะเห็นอัตราเติบโตเลข 2 หลัก
"หลังการเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นไปคาด ปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เร็ว แต่ก็รู้ว่าจะเป็นรัฐบาลผสม ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ฟื้นยาก คนก็ยังมีความวิตกเรื่องเศรษฐกิจ และผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐชะลตัว ในช่วง 6 เดือนแรกเศรษฐกิจไทยก็ยังไม่ดี" น.ส.อุสรา
ด้านนายเจอราร์ด ลีอองส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ และหัวหน้าสำนักวิจัย ของกลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ต มองว่า เสถียรภาพทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในและต่างประเทศ แม้ว่าจะไม่ได้ชื่นชอบพรรคใดเป็นพิเศษก็ตาม
ประกอบกับ ผลกระทบเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวต่อการส่งออกในประเทศแถบภูมิภาคเอเชีย และกระทบทางอ้อมต่อตลาดหุ้นในเอเชียด้วย ก็ยังจะเห็นการเทขายของต่างประเทศในตลาดหุ้นย่านนี้ กระทั่งภาวะเศรษฐกิจของจีนก็รับผลกระทบด้วย แม้จะมีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่ง แต่จากเศรษฐกิจของจีนเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ทางการจีนก็ได้ออกมาตรการลดควา
มร้อนแรงลง ดังนั้น หลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนก็จะชะลอไปบ้างแต่ก็ยังถือว่ายังอยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเชื่อว่าในครึ่งปีแรกจะตกลงอย่างรวดเร็ว แต่จะเริ่มคลี่คลายในครึ่งหลังปีนี้ แต่ก็คงจะเติบโตได้ไม่มากนัก
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--