นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของธนาคารในปี 2562 ว่า ธอส.ได้กำหนดแผนงานที่มุ่งเดินหน้าตามพันธกิจทำให้คนไทยมีบ้าน ประกอบด้วยภารกิจหลัก 3 ด้าน คือ 1.ผลประกอบการที่มีความมั่นคงและยั่งยืน ด้วยการกำหนดแนวทางเป้าหมายสำคัญในด้านต่าง ๆ อาทิ สินเชื่อปล่อยใหม่ที่ 203,262 ล้านบาท สินเชื่อคงค้างที่ 1,181,038 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 1,210,984 ล้านบาท หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ลดลงเหลือ 4.02% ของยอดสินเชื่อรวม และเร่งพิจารณาอนุมัติสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลังให้ครบทั้งกรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท
ส่วนการที่ พ.ร.บ.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และหากได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้แล้วนั้น จะมีส่วนช่วยให้ธนาคารขยายขอบเขตในการดำเนินธุรกิจ และมีเครื่องมือเพิ่มเติมที่ลดต้นทุนการดำเนินงานลง อาทิ การเปิดจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส. เพื่อเพิ่มสัดส่วนของเงินฝากระยะยาวให้สอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อ การเพิ่มอำนาจการออกพันธบัตรให้เป็นของคณะกรรมการธนาคารซึ่งช่วยให้มีความคล่องตัวในการออกพันธบัตรยิ่งขึ้น และยังรองรับการให้สินเชื่อเพื่อผู้สูงอายุในรูปแบบ Reverse Mortgage
2.ยกระดับการให้บริการดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในปัจจุบัน ด้วยการนำระบบงานหลัก GHB SYSTEM ที่พัฒนามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการให้บริการในรูปแบบดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งมีกำหนดเริ่มใช้งานระบบอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2562 เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและบริการรูปแบบใหม่ อาทิ การเดินหน้าตามเฟส 2 ของ Mobile Application : GHB ALL แอพพลิเคชันที่รวมทุกบริการของ ธอส. ไว้ในมือลูกค้า ซึ่งจะพัฒนาให้มีบริการเพิ่มเติม อาทิ ดู Statement ทำ Pre Approve ยื่นกู้ ติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง นัดหมายการเข้าประเมินราคา แจ้งผลการพิจารณาสินเชื่อ นัดวันลงนามเอกสารสำคัญและทำนิติกรรม แจ้งเตือนชำระหนี้ แสดงความประสงค์กู้เพิ่ม และชำระค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ การเพิ่มบริการฝากเงินด้วยเครื่องรับเงินฝากแบบพกพา GHB Mobile Deposit เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับเงินฝากของลูกค้าประชาชนตามชุมชนต่าง ๆ เพิ่มความรวดเร็ว มั่นใจ ปลอดภัย และสร้างวินัยการเงิน
ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปี 2562 จำนวนการใช้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลจะไม่น้อยกว่า 40% ของบริการหน้าเคาน์เตอร์ที่สาขาของธนาคาร
3.ยุทธศาสตร์ในด้านการบริหารและพัฒนาบุคลากร รวมถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยมุ่งพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของธนาคารให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสมัยใหม่ รองรับการให้บริการแบบดิจิทัล พร้อมไปกับการเดินหน้าสร้างองค์กรให้มีธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งองค์กรกำกับดูแล ลูกค้า พนักงาน และสังคม อาทิ การให้ความสำคัญกับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งธนาคารได้รับการประเมินคะแนนสูงที่สุดต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกันในปีงบประมาณ 2560 และ 2561
นายฉัตรชัย ยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานปี 2561 ว่า ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 213,161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.30% คิดเป็น 173,958 บัญชี สูงกว่าเป้าหมายซึ่งกำหนดไว้ที่ 188,918 ล้านบาท จำนวนถึง 24,243 ล้านบาท และแบ่งเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวนถึง 105,081 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 6.29% ส่งผลให้ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,115,893 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.03%
สินทรัพย์รวม 1,163,882 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.55% เงินฝากรวม 943,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.94% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 46,495 ล้านบาท คิดเป็น 4.17% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลง 0.04% ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ โดยให้ความสำคัญกับการจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อรักษาบ้านให้ยังคงอยู่กับลูกค้าต่อไป และมีกำไรสุทธิ 12,611 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ 12,137 ล้านบาท เพื่อให้ผ่าน KPI ตามนโยบายกระทรวงการคลัง ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งที่ 14.19% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
"ปี 2561 ถือเป็นครั้งแรกที่ ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึงระดับ 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า สะท้อนการคงบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ผ่านการสร้างโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้มีบ้านเป็นของตนเอง" นายฉัตรชัย ระบุ