ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) รักษาการแทนผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า หลังจาก กทท.ได้สัมมนาทดสอบความสนใจนักลงทุน ( Market Sounding ) เพิ่มเติม เพื่อรับฟังความเห็นจากนักลงทุนในโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 21 ม.ค. ซึ่งมีประเด็นที่ นักลงทุน สอบถามและขอให้ทบทวน ประมาณ 17-18 ข้อ ได้แก่ ประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 10 ปี ผลงานบริหารท่าเรือ 10 ล้านทีอียู/ปี ต่อเนื่อง 3 ปี ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยกรรมการคัดเลือกฯ จะมีการพิจารณาอีกครั้ง
จากนั้นคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ประชุมพิจารณาทันที โดยได้พิจารณาในเรื่องกรอบระยะเวลาในการยื่นประมูลครั้งใหม่ จากที่นักลงทุนได้มีความเห็นทั้ง 1 เดือน 2 เดือนและ 3 เดือน โดยควมเห็นส่วนใหญ่ยังเห็นว่า 2 เดือนมีความเหมาะสม โดยนับจากวันประกาศขายทีโออาร์ โดยจะเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการ กทท.ซึ่งจะมีการประชุมในวันนี้ (22 ม.ค.) หากเห็นชอบคาดว่าจะประกาศประมูลได้ภายในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้มีมติผ่อนปรนคุณสมบัติ ได้แก่ เรื่องประสบการณ์ ที่บริษัทต้องจัดตั้งไม่น้อยกว่า 3 ปี ให้สามารถใช้ประสบการณ์ของบริษัทที่ควบรวมกิจการกันได้ เหมือนกติกาของรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน, กรณีเป็นโฮลดิ้ง สามารถใช้ประสบการณ์ของบริษัทลูกได้, เอกสารที่ยื่นประมูล ต้องเป็นภาษาไทยและแปลเป็นอังกฤษ ทุกในส่วนของเอกสารสำคัญ เช่น เอกสารที่เป็นการยืนยันตัวตนของผู้ยื่น เป็นต้น, ภาษีโรงเรือนที่อัตรา 12.5 % นั้น กทท.จะคัดลอกสำเนาประกาศของท้องถิ่นล่าสุด ให้นักลงทุน เพื่อเป็นข้อมูลเดียวกัน
สำหรับประเด็นการรับผิดชอบร่วมกัน ในกรณีที่เอกชนหลายบริษัทรวมกลุ่มกันนั้น จะมีสัดส่วนถือหุ้นไม่เท่ากัน หากเกิดเหตุ เอกชนต้องการรับผิดชอบตามสัดส่วนที่ถือหุ้น แต่ในประกาศ อีอีซีไม่ได้ระบุไว้ ทำให้นักลงทุนกังวล ทาง อีอีซี กำลังพิจารณา และคาดว่าจะออกประกาศบังคับใช้ ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกฯ จะผ่อนปรนให้
ทั้งนี้ กรณีเปิดขายเอกสารประมูล รอบ 2 ในส่วนของนักลงทุน 32 รายเดิม จะต้องซื้อซองใหม่หรือไม่นั้น เป็นอำนาจหน้าที่ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) หรือคณะกรรมการอีอีซี ตามพ.ร.บ.อีอีซี ที่จะกำหนดได้ ซึ่งคณะกรรมการอีอีซี ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานจะประชุมในวันที่ 22 ม.ค.นี้ ซึ่งน่าจะมีความชัดเจน