นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของการตรวจสอบการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) ของ 12 บริษัท ซึ่งมีทั้งธุรกิจค้าที่ดิน, ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง, ธุรกิจสื่อสาร ตามที่มีการร้องเรียนนั้น ขณะนี้ได้ตรวจสอบการถือหุ้น และเส้นทางการเงินของแต่ละบริษัทแล้ว พบว่ามีนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องมากถึงเกือบ 50 รายในรูปของการเป็นผู้ถือหุ้นใน 12 บริษัท
ทั้งนี้จะต้องตรวจสอบต่อไปว่านิติบุคคลที่เกี่ยวข้องมีรายใดเป็นคนต่างด้าวหรือไม่ หากพบว่ามีรายหนึ่งรายใดเป็นต่างด้าวก็จะทำให้บริษัทแม่ที่ถูกร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมเป็นนอมินีต้องกลายเป็นนอมินีทันที
"ตอนนี้ การตรวจสอบยากมากขึ้น เพราะมีบริษัทที่เกี่ยวข้อง เช่น เป็นผู้ถือหุ้นใน 12 บริษัทมากถึงเกือบ 50 ราย ซึ่งกรมต้องตรวจสอบทั้งเกือบ 50 รายด้วยว่ามีสัดส่วนการถือหุ้นเท่าไรในบริษัทแม่ เป็นบริษัทต่างด้าวหรือไม่ หากเป็นบริษัทต่างด้าว ก็จะทำให้บริษัทแม่ต้องกลายเป็นนอมินี และมีความผิดตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 แต่ขณะนี้การตรวจสอบยังไม่ถึงขั้นนั้น อยู่ระหว่างการขอข้อมูล" นายคณิสสร กล่าว
สำหรับการขอข้อมูลผู้เกี่ยวข้องนั้นที่ผ่านมามักจะไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร จึงทำให้การตรวจสอบทั้ง 12 บริษัทล่าช้า ทั้งที่น่าจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนต่อได้ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งโดยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย กรมทำได้เพียงปรับครั้งละ 5,000 บาทเท่านั้นฐานไม่ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่รัฐ
ส่วนการขอความร่วมมือให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ช่วยตรวจสอบคดีพิเศษโดยเฉพาะนอมินีนั้น ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ DSIแล้ว อยู่ระหว่างออกกฎกระทรวงยุติธรรมเพื่อให้มีผลบังคับใช้ ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบนอมินีในอนาคต กรมฯ ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบละเอียดเพียงแค่ให้ข้อมูล และ DSIจะตรวจสอบเองทั้งหมด
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--