น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือกับพันธมิตร 3 ฝ่าย คือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) บมจ. ทีโอที และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) หรือ SME Bank ในการศึกษา "โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารโทรคมนาคมอัจฉริยะและบันทึกความร่วมมือโครงการพัฒนาพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy)" ในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการระบบสาธารณูปโภคอัจฉริยะก้าวไปสูการเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในอนาคต ทั้งในด้านการวางระบบโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ระบบให้บริการธุรกรรมทางการเงิน การใช้พลังงานอัจฉริยะที่สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0
"ความร่วมมือในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค ในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือในการต่อยอดภาคการผลิตเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้สอดคล้องเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงระบบการผลิตของไทยด้วยนวัตกรรมที่จะเชื่อมโยงความเจริญไปสู่ภูมิภาค"น.ส.สมจิณณ์กล่าว
สำหรับเป้าหมายของความร่วมมือในโครงการดังกล่าว กนอ. กฟน. ทีโอที และ SME Bank จะร่วมกันพัฒนานิคมฯ สมาร์ท ปาร์ค ในด้านต่างๆให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกัน ประกอบด้วย 1.การพัฒนาพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ที่จะนำไปใช้พื้นที่ทั้งในด้านการใช้พลังงานทดแทน (Renewable Energy) การบริหารจัดการพลังงานอย้างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency) เพื่อการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
2.การให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับบริการระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทั้งในการวางระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียม ระบบการสื่อสารไร้สาย รวมทั้ง Digital Solution Platform ที่ประกอบด้วยการให้บริการด้านการเก็บรักษาข้อมูลให้กับผู้ประกอบการโดยใช้ระบบศูนย์กลางการเก็บข้อมูล หรือ Data Center ด้วยรูปแบบการให้บริการในระบบต่างๆ อาทิ คลาวด์แพลตฟอร์ม (Cloud Platform ) ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์และจัดการข้อมูลสามารถตอบโจทย์การทำงานของธุรกิจได้เป็นอย่างดี Internet of Things หรือ IoT Platform เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลด้วยระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน Cyber Security หรือ ระบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อป้องกันการเจาะข้อมูลเข้าสู่ระบบ Big Data หรือ ระบบศูนย์ข้อมูลกลางที่สามารถนำไปประมวลผลเพื่อประโยชน์การผลิตและวางแผน และ AI Platform หรือระบบประมวลผลอัจฉริยะ เป็นนต้น
3.การสนับสนุนทางด้านแหล่งเงินทุน องค์ความรู้ทางการตลาด การจัดการผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ที่ควบคู่กับการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมที่เข้ามาใช้พื้นที่ นิคอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค
นายมนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอทีกล่าวว่า เป้าหมายของความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทีโอทีได้รับความไว้วางใจในการที่จะร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารโทรคมนาคมสู่ดิจิทัล 4.0 เพื่อเพิ่มศักยภาพขององค์กรและของบุคลากร รวมถึงสนับสนุนด้านโทรคมนาคมและดิจิทัลให้กับผู้ประกอบในนิคมอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต New S-Curve โครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค และรวมถึงผู้ประกอบการ SMEs ในการพัฒนาเพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่ Digital Transformation ด้วยการดำเนินงานที่ใช้ดิจิทัลเป็น base และพัฒนาธุรกิจไปสู่ดิจิทัล 4.0 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และพัฒนาขยายตลาดสร้างรายได้เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่จะเข้ามาลงทุนในอนาคตต่อไป
"ทั้งนี้ ในวันนี้ กฟน.และทีโอทีได้ร่วมลงนามความร่วมมือ เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้าและการสื่อสารที่จะนำไปสู่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) อันจะเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐในการจัดสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้าและการสื่อสารสำหรับนิคมอุตสาหกรรมเพื่อลดการลงทุนซ้ำซ้อน และปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในนิคมอุตสาหกรรมให้สวยงามเป็นระเบียบ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานภาครัฐเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศได้อย่างยั่งยืน"นายมนต์ชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม โครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค พัฒนาอยู่บนพื้นที่ ประมาณ 2,000 ไร่ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve ประกอบด้วย 1.หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม(ROBOTICS) 2.อุตสาหกรรมการบิน และโลจิสติกส (AVIATION AND LOGISTICS) 3.อุตสาหกรรมดิจิทัล (DIGITAL) 4.อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (BIOFUELS AND BIOCHEMICALS) 5.อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (MEDICAL HUB)