นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ปัจจัยจากการเลือกตั้งเป็นแรงหนุนต่อภาพรวมของของประเทศไทย โดยที่ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ได้ตอบรับปัจจัยบวกจากความชัดเจนของการเลือกตั้ง ซึ่งได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับตลาดหุ้นภูมิภาคและต่างประเทศ หลังวานนี้ (23 ม.ค.) มีความชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้งของไทยออกมาแล้ว และทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดวันเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. 62
หลังจากการเลือกตั้งมีความชัดเจนแล้วมองว่าจะช่วยหนุน sentiment ระยะสั้นของประเทศไทย ซึ่งในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ที่มีการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ จะเห็นการบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในต่างจังหวัดกลับมาคึกคักมากขึ้น ในขณะที่ด้านตลาดทุนและตลาดหุ้นก็มีโอกาสที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้น จากความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยสามารถเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามและจะมีผลในระยะยาวที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะเสถียรภาพของรัฐบาลชุดใหม่ที่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เพราะจะมีผลต่อการดำเนินนโยบายต่างๆ ความมั่นคงและความเชื่อมั่นของประเทศ ซึ่งหากรัฐบาลชุดใหม่มีความเสถียรภาพมากจะส่งผลต่อการต่อเนื่องของการดำเนินนโยบาย ซึ่งจะมีผลต่อการเบิกจ่ายและการลงทุนต่างๆ ช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทย และสร้างความเชื่อมั่นให้เพิ่มมากขึ้น
"ความชัดเจนของการเลือกตั้งที่ออกมาเมื่อวานนี้ เป็นผลบวกต่อ sentiment ระยะสั้นของประเทศ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนรอมานาน แต่หลังจากการเลือกตั้งต้องติดตาม Senerio ของรัฐบาลชุดใหม่ ว่าจะมีเสถียรภาพมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากรัฐบาลชุดใหม่มีเสถียรภาพมากก็จะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายที่ต่อเนื่อง ทำให้ความเชื่อมั่นมากขึ้น และช่วยหนุนเศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้"นายทิม กล่าว
ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 62 คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) จะขยายตัวได้ 4.5% โดยที่ในปีนี้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะเป็นการขยายตัวได้จากปัจจัยขับเคลื่อนภายในประเทศ ได้แก่ การลงทุนของภาครัฐ และการบริโภคในประเทศ ซึ่งเข้ามาชดเชยกับปัจจัยด้านการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ยังเผชิญกับความไม่แน่นอน และยังมีแนวโน้มที่ยังไม่ค่อยดีนักในปี 62 ซึ่งภาคการท่องเที่ยวไทยในปีนี้ยังมีความน่าเป็นห่วงมาก จากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก ปัญหามลพิษจากฝุ่น และการเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ทำให้ในปีนี้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะต้องหันกลับมาพึ่งพาปัจจัยภายในประเทศแทน เพื่อผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย