นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฏหมาย เปิดเผยภายหลังนายฮิโรกิ มิทสึมะตะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เข้าพบว่า ได้มีการนำผลสำรวจความคิดเห็น ความต้องการ รวมถึง ปัญหาอุปสรรคของนักลงทุนญี่ปุ่น ที่เข้าลงทุนอยู่ในประเทศไทย มาแจ้งให้รัฐบาลรับทราบว่าติดขัดปัญหาเรื่องใด หรือต้องการให้รัฐบาลดำเนินการในเรื่องใดบ้าง พบว่า ผลการสำรวจการลงทุนของนักลงทุนญี่ปุ่นในเขตเศษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อยู่ในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะในโครงสร้างพื้นฐานใน 4 โครงการขนาดใหญ่ คือ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการพัฒนามาบตาพุด พัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งนักลงทุนญี่ปุ่น พอใจมากเป็นอันดับ 1 และยังพอใจเรื่องการคืนภาษี เรื่องการอำนวยความสะดวกการลงทุน ใน EEC ด้วย
นอกจากนี้ เรื่องการขอใบอนุญาตทำงาน หรือ work permit ซึ่งเคยเป็นปัญหาใหญ่ ติดใน 1 – 10 อันดับต้นๆ ในหลายปีที่ผ่านมา แต่วันนี้ไทยลงไปอยู่ในอันดับท้ายๆ ซึ่งเป็นการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นจนไม่มีการเรียกร้องในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ยังพบปัญหาการเรียกร้องเรื่องภาษีศุลกากร และเรื่องภาษีต่างๆ ซึ่งยังไม่สะดวกกับนักลงทุนญี่ปุ่น รวมทั้งมีปัญหาขาดแรงงานโดยเฉพาะด้านวิศวกร ซึ่งข้อมูลต่างๆ ที่ได้รัฐบาลจะนำไปใช้ประกอบเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป ซึ่งหลังจากนี้รัฐบาลจะได้นำผลสำรวจจากเจโทรไปพิจารณาต่อไป
ปัจจุบันมีนักลุงทุนญี่ปุ่น 1,700 บริษัท ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยได้รับแบบสอบถามกลับมา 500 บริษัท
นายวิษณุ กล่าวว่า ทางเจโทรไม่ได้สอบถามถึงสถานการณ์ทางการเมือง และไม่ได้แสดงความยินดีหลังประเทศไทยประกาศจะมีเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม ซึ่งที่ผ่านมาทางเจโทรก็ไม่เคยสอบถามเรื่องการเมือง แต่จะพูดคุยในเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น
นายวิษณุ กล่าวถึงนักลงทุนแถบยุโรป อเมริกาว่า อาจจะมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป แต่ยังไม่มีหน่วยสำรวจแบบเจโทร ซึ่งจะนำข้อมูลที่ได้จากเจโทรไปเทียบเคียง เพื่อปรับปรุงเพื่อทำให้ประเทศไทยติดอันดับประเทศที่น่าสนใจต่อการลงทุนของต่างชาติ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลได้ทุ่มเททำงานในรอบปีที่ผ่านมานั้นได้ผลหลายอย่าง