นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังขาดการเตรียมความพร้อมในการรับมือความท้าทายจากเทคโนโลยีพลิกผัน หรือ Disruptive Technology และแรงสั่นสะเทือนจาก Digital Disruption ทั้งในภาครัฐ ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม ภาคการศึกษาและตลาดแรงงาน ประสิทธิภาพของระบบราชการ การให้บริการของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจจะดีขึ้นหากมีการปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัลมากขึ้น นอกจากนี้ นวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ยังจะทำให้ระบบของรัฐบาลมีความโปร่งใส และได้รับการตรวจสอบถ่วงดุลจากประชาชนและภาคธุรกิจมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการในเรื่อง Digital Transformation ในหลายภาคส่วนของภาครัฐยังมีความล่าช้าไม่เท่าทันต่อการพลิกผันเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หวั่นกระทบประสิทธิภาพของภาครัฐทั้งระบบ ระบบกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ รวมทั้งระบบภาษีก็ไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป มีกิจการจำนวนไม่น้อยในไทยที่ไม่สามารถปรับตัวรับมือกับเทคโนโลยีพลิกผัน ทำให้ต้องปิดกิจการไป นอกจากนี้ เอกชนที่ไม่สามารถปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในกระบวนการทำงานและกระบวนการการผลิต จะประสบภาวะถดถอยของขีดความสามารถในการแข่งขัน มีความท้าทายและข้อจำกัดต่อการพัฒนานวัตกรรมในกิจการ SMEs ภาครัฐจึงต้องส่งเสริมด้านแหล่งเงินทุน การส่งเสริมการแบ่งปันองค์ความรู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งการส่งเสริมทีมผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องมีมาตรการเตรียมรับมือกับผลกระทบของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีต่อภาวะการมีงานทำในอนาคต ระบบการศึกษายังไม่สามารถผลิตแรงงานให้มีทักษะและความรู้สอดคล้องกับพลวัตของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญามีการว่างงานสูงขึ้นจากคุณภาพด้อยลงไม่สามารถทำงานได้ ขณะนี้ ธุรกิจเอกชนจึงเข้ามาร่วมจัดการการศึกษาในรูปแบบการเรียนรู้อิงการทำงาน (Work-based Learning) มากขึ้น
"เรายังไม่สามารถนำความก้าวหน้าเทคโนโลยีและ Big Data มาใช้ในการแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็มศักยภาพ เช่น รัฐบาลต้องบูรณาการฐานข้อมูลของหน่วยราชการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน หรือ กกต.สามารถใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อให้การเลือกตั้งมีความโปร่งใสมากขึ้น และสามารถสอบถามประชามติจากประชาชนในเรื่องต่างๆได้" นายอนุสรณ์กล่าว
พร้อมระบุว่า ประเทศไทย 4.0 ไม่บรรลุเป้าหมาย และไม่สามารถตอบสนองต่อการเร่งตัวของการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมเทคโนโลยี ดังนั้นจึงคาดหวังว่าพรรคการเมืองต่างๆ และรัฐบาลหลังเลือกตั้งจะมีนโยบายและแนวทางที่ชัดเจน ไม่ใช่มีเพียงนโยบายแบบมุ่งหาคะแนนนิยมโดยไม่ใส่ใจต่อแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยในด้านต่างๆ แต่ต้องมีนโยบายสร้างความยั่งยืน มีนโยบายสร้างโอกาส และมียุทธศาสตร์ในเตรียมรับมือกับโลกในอนาคตด้วย