นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ว่า เศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ยังคงขยายตัวในหลายภูมิภาค นำโดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคเหนือ และภาคตะวันออก โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ในขณะที่การท่องเที่ยว ยังคงขยายตัวในหลายภูมิภาคเช่นกัน สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจทุกภูมิภาคยังอยู่ในเกณฑ์ดี
สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เศรษฐกิจขยายตัว โดยมีการบริโภคและลงทุนภาคเอกชน รวมถึงภาคอุตสาหกรรมและภาคการท่องเที่ยวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือนธันวาคม 2561 ขยายตัว 6.9% ต่อปี ส่งผลให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 7.1% ต่อปี จากการขยายตัวในหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด เป็นต้น
สอดคล้องกับการบริโภคสินค้าในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากยอดรถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือนธันวาคม 2561 ขยายตัวที่ 18.7% และ 15.6% ต่อปี ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 13.0% และ 7.6% ตามลำดับ เช่นเดียวกันกับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากยอดรถปิคอัพและรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 10.8% และ 11.6% ต่อปี ตามลำดับ จากการขยายตัวในเกือบทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่น อุดรธานี และมุกดาหาร เป็นต้น นอกจากนี้ มีเงินลงทุนในโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ ในเดือนธันวาคม 2561 ที่ 4,589 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตน้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ในจังหวัดสกลนคร เป็นสำคัญ
สำหรับด้านอุปทาน ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี ทั้งจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือน ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 7.7% และ 18.0% ต่อปี ตามลำดับ ในขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในเดือนธันวาคมเบื้องต้น ยังคงอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการบริโภคภายในภูมิภาคที่ 0.5% ต่อปี และอัตราการว่างงาน ในเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ 0.8% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคเหนือ เศรษฐกิจขยายตัว โดยมีการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากยอดรถรถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนธันวาคม 2561 ขยายตัว 12.5% และ 10.6% ต่อปี ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 2.9% และ 2.5% ตามลำดับ จากการขยายตัวในจังหวัดนครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และพะเยา เป็นต้น เช่นเดียวกันกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 3.9% ต่อปี
สอดคล้องกับการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจาก ยอดรถปิคอัพและรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 15.7% และ 9.4% ต่อปี ตามลำดับ จากการขยายตัวในหลายจังหวัด อาทิ อุทัยธานี นครสวรรค์ พิจิตร และเพชรบูรณ์ เป็นต้น นอกจากนี้ เงินลงทุนในโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ที่มูลค่า 5,050 ล้านบาท ขยายตัว 858.2% ต่อปี ตามการลงทุนในจังหวัดกำแพงเพชร และลำพูนเป็นสำคัญ
สำหรับด้านอุปทานภาคการท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือน ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัวจากเดือนก่อนที่ 4.1% และ 10.1% ต่อปี ตามลำดับ ในขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเบื้องต้น ในเดือนธันวาคม 2561 อยู่ที่ 0.1% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ 0.9% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ส่วนภาคตะวันออก เศรษฐกิจขยายตัว โดยมีการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงภาคอุตสาหกรรมช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากยอดรถรถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนธันวาคม 2561 ขยายตัว 18.5% และ 10.2% ต่อปี ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 9.9% และ 0.2% ตามลำดับ จากการขยายตัวในจังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรี และระยอง เป็นต้น เช่นเดียวกันกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 17.3% ต่อปี สอดคล้องกับการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจาก ยอดรถปิคอัพและรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ในเดือนธันวาคม ปี 2561 ขยายตัว 11.3% และ 7.9% ต่อปี ตามลำดับ จากการขยายตัวในเกือบทุกจังหวัด นอกจากนี้เงินลงทุนในโรงงานที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ ในเดือนธันวาคม 2561 ที่มูลค่า 66,727 ล้านบาท ตามการลงทุนในจังหวัดชลบุรีและปราจีนบุรี เป็นสำคัญ
สำหรับด้านอุปทาน โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมภาคตะวันออกในเดือนธันวาคม ปรับเพิ่มขึ้นอยู่เหนือระดับ 100 เป็นเดือนที่ 14 ติดต่อกันมาอยู่ที่ 112.5 ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและทำความเย็น อุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียม และอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เป็นต้น สอดคล้องกับภาคการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัว สะท้อนจากรายได้จากการเยี่ยมเยือน ในเดือนธันวาคม 2561 ขยายตัวที่ 6.9% ต่อปี จากการขยายตัวทั้งผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ในขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเบื้องต้น ในเดือนธันวาคม 2561 อยู่ที่ 0.4% ต่อปี และอัตราการว่างงาน ในเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ 0.8% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคกลาง เศรษฐกิจส่งสัญญาณขยายตัว โดยมีการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงอุตสาหกรรมเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือนธันวาคม 2561 ขยายตัว 5.5% ต่อปี ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 8.1% ต่อปี จากการขยายตัวในเกือบทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดสระบุรี ชัยนาท และสิงห์บุรี เป็นต้น สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากยอดรถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 6.9% และ 1.5% ต่อปี ตามลำดับ ตามการขยายตัวในจังหวัดชัยนาทและพระนครศรีอยุธยา เช่นเดียวกันกับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากยอดรถปิคอัพและรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัว 4.5% และ 14.2% ต่อปี
สำหรับด้านอุปทาน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี จากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือน ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 5.1% และ 7.4% ต่อปี ตามลำดับ ในขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเบื้องต้น ในเดือนธันวาคม 2561 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ -0.6% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ 1.4% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
กทม.และปริมณฑล เศรษฐกิจทรงตัว โดยมีการลงทุนภาคเอกชน และภาคการท่องเที่ยวช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากยอดรถปิคอัพจดทะเบียนใหม่ ในเดือนธันวาคม 2561 ขยายตัว 14.0% ต่อปี จากการขยายตัวในกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี และนครปฐม ส่งผลให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 14.8% ต่อปี สอดคล้องกับเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการในธันวาคม 2561 อยู่ที่ 5,022 ล้านบาท ขยายตัว 187.4% ต่อปี จากการลงทุนในจังหวัดปทุมธานี กรุงเทพมหานคร และนครปฐม เช่นเดียวกันกับเงินลงทุนที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการ ในเดือนธันวาคม 2561 อยู่ที่ 10,857 จากการลงทุนในเกือบทุกจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดสมุทรสาครและปทุมธานี ในโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสอาหาร และโรงงงานผลิตพลาสติก เป็นต้น ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว จากการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนที่ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน อย่างไรก็ดี ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือนธันวาคม 2561 ขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.5 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 1.9%
สำหรับด้านอุปทานภาคการท่องเที่ยวขยายตัวในเกณฑ์ดี สะท้อนจากรายได้จากการเยี่ยมเยือนในเดือนธันวาคม 2561 ขยายตัว 4.6% ต่อปี ตามการขยายตัวทั้งผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ในขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธันวาคม 2561 อยู่ในระดับที่เอื้อต่อการบริโภคและการผลิตภายในภูมิภาคที่ 1.1% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ 1.0% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคตะวันตก เศรษฐกิจทรงตัว โดยมีการบริโภคภาคเอกชนหมวดสินค้าคงทน และภาคการท่องเที่ยวช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนของผู้มีรายได้น้อย สะท้อนจากยอดรถจักรยานยนจดทะเบียนใหม่ในเดือนธันวาคม 2561 ขยายตัวที่ 2.1% ต่อปี ส่งผลให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 1.9% ต่อปี เช่นเดียวกันกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัว 2.3% ต่อปี จากขยายตัวในจังหวัดกาญจนบุรี และสมุทรสงคราม เป็นต้น ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอลงจากเดือนก่อน
สำหรับด้านอุปทาน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ดีทั้งจำนวนและรายได้จากผู้เยี่ยมเยือน ในเดือนธันวาคม 2561 ขยายตัว 16.8% และ 11.7% ต่อปี โดยเป็นการปรับตัวดีขึ้นของผู้เยี่ยมเยือนของคนไทยและคนต่างประเทศ สำหรับด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเบื้องต้น ในเดือนธันวาคม 2561 อยู่ที่ 0.3% ต่อปี และอัตราการว่างงาน ในเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ 0.6% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคใต้ เศรษฐกิจทรงตัว แต่มีภาคการท่องเที่ยวและภาคอุตสาหกรรมเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทานภาคการท่องเที่ยวขยายตัวในเกณฑ์ดี จากรายได้จากการเยี่ยมเยือน ในเดือนธันวาคม 2561 ขยายตัวในอัตราเร่งที่ 8.7% ต่อปี โดยเป็นการขยายทั้งผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยและต่างประเทศที่ขยายตัว 7.7% และ 9.0% ตามลำดับ ส่งผลให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2561 รายได้จากการเยี่ยมเยือนอยู่ที่ 7.0% จากการขยายตัวเยี่ยมเยือนชาวไทยและต่างประเทศที่ขยายตัว 7.5% และ 6.8% ตามลำดับ สอดคล้องกับภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน สะท้อนจากสะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมภาคใต้ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 78.4 ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น
สำหรับด้านอุปสงค์ ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะลอลงจากเดือนก่อน แต่ยังมีเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 อยู่ที่ 3,555.4 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวในอัตราเร่งที่ 281.7% ต่อปี จากการลงทุนในโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นสำคัญ ในขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเบื้องต้น ในเดือนธันวาคม 2561 ปรับตัวอยู่ในระดับต่ำที่ -0.03% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ 1.4% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค