ครม.รับทราบคลังปรับเงื่อนไขคุณสมบัติโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐคลายข้อจำกัด

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 29, 2019 16:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ และรับทราบการปรับเงื่อนไขคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐโครงการเช่าระยะยาว (Leasehold) พร้อมทั้งให้กระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน ที่เข้าร่วมโครงการเร่งประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบถึงเงื่อนไขคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการที่กำหนดขึ้นใหม่ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจและเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น

"เนื่องจากเงื่อนไขเดิมมีข้อจำกัดทำให้ผู้ที่สนใจจองขาดคุณสมบัติ หลังจากปรับเงื่อนไขแล้วจะช่วยให้ผู้สนใจมีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการได้ง่ายขึ้น" นายณัฐพร กล่าว

กรณีการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ กรมธนารักษ์ได้เปิดประกวดราคาโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ เพื่อหาผู้ประกอบการมาลงทุนพัฒนาโครงการ จำนวน 6 แปลง แต่สามารถสรุปผลการประกวดราคา จำนวน 5 แปลง จำนวน 1,072 หน่วย โดยแปลง อ.ชร. 31 จังหวัดเชียงราย ไม่มีผู้ยื่นซองประมูล โดยมียอดลงทะเบียนจองสิทธิ (เปิดจองตั้งแต่วันที่ 19-31 ส.ค.59) จำนวนทั้งสิ้น 2,322 ราย และต่อมามีผู้ลงทะเบียนจองสิทธิที่นำเอกสารหลักฐานมายื่นขอใช้สิทธิเพียง 406 ราย หรือคิดเป็น 17.50% ของจำนวนผู้ยื่นจองทั้งหมด 2,322 ราย

ธอส. และธนาคารออมสินแจ้งต่อกระทรวงการคลังว่า สาเหตุที่ทำให้ผู้จองสิทธิมายื่นเอกสารหรือไม่สามารถยื่นเอกสารเพื่อคัดกรองคุณสมบัติได้ เนื่องจากผู้จองสิทธิส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีหรือเคยมีกรรมสิทธิ์บ้านมาแล้ว ซึ่งไม่เป็นไปตามคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน นอกจากนั้นจากการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นจองสิทธิ มีผู้ผ่านคุณสมบัติเพียง 388 ราย เนื่องจากส่วนใหญ่เข้าข่ายเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อนเช่นกัน จึงไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้

ต่อมากรมธนารักษ์ได้พิจารณายกเลิกการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 2615 เนื่องจากมีข้อเสนอแนะเรื่องที่จอดรถที่อาจส่งผลให้รูปแบบโครงการที่เสนอไว้เปลี่ยนแลงไป อีกทั้งที่ผ่านมามีกระแสคัดค้านโครงการจากประชาชนและชุมชนโดยตลอด และคาดว่าจะทวีความรุนแรง อาจส่งผลให้การดำเนินงานหยุดชะงักและเกิดความเสียหายต่อทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ได้เห็นชอบการปรับลดเนื้อที่โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ พบ. 261 พร้อมทั้งปรับลดจำนวนบ้านที่ปลูกสร้าง เนื่องจากเกิดปัญหาข้อพิพาทกับเจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียง

ส่วนกรณีการซ่อมแซมและหรือต่อเติมที่อยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุ กรมธนารักษ์ได้ประสานกับ ธอส. และธนาคารออมสิน ในเขตพื้นที่เพื่อเริ่มดำเนินโครงการ โดยประชาสัมพันธ์โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐผ่านสื่อท้องถิ่นและทำหนังสือแจ้งเวียนให้ผู้เช่าที่ราชพัสดุได้รับทราบข้อมูลเพื่อขอรับสิทธิการเข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งกรมธนารักษ์ได้ออกหนังสือรับรองให้แก่ผู้เช่าสำหรับใช้เป็นหลักฐานในการยื่นขอกู้เงินแล้ว จำนวน 267 ราย วงเงิน 149.116 ล้านบาท ประกอบด้วย (1) ธกส. จำนวน 107 นาย วงเงิน 83.806 ล้านบาท (2) ธนาคารออมสิน จำนวน 160 ราย วงเงิน 65.310 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 13 ธันวาคม 2561)

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ม.ค.61 ครม.มีมติเห็นชอบกรอบดำเนินการโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ ซึ่งการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ที่มีวัตถุประสงค์ต้องการสนับสนุนให้ประชาชนมีความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยเพื่อตอบสนองนโยบายเช่นเดียวกันกับโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ ประกอบกับปัจจุบันการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โครงการเช่าระยะยาว (Leasehold) บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ พบ. 260 และ พบ. 261 ยังมีผู้เข้าร่วมโครงการไม่เต็มจำนวนตามที่กำหนดไว้

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้และเป็นไปในแนวทางเดียวกับการดำเนินโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ ตลอดจนเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้กับประชาชน กระทรวงการคลังจึงขอปรับเงื่อนไขคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โครงการเช่าระยะยาว (Leasehold) จากเดิม เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ปัจจุบันไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย เป็น (1) ประชาชนผู้ได้รับสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (2) ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน (Gross Income) และ (3) ประชาชนทั่วไป

"โดยให้พิจารณาสิทธิผู้เข้าร่วมโครงการแก่ผู้ที่มีคุณสมบัติตามลำดับก่อนหลัง ทั้งนี้ไม่บังคับใช้กับผู้ที่ขอเข้าร่วมโครงการก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะเห็นชอบตามที่เสนอนี้" นายณัฐพร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ