นายอัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทย ไลอ้อนแอร์ เปิดเผยว่า สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ ได้ทำการเปิดเส้นทางบินใหม่ในประเทศญี่ปุ่น 3 เส้นทาง ได้แก่ ฟุกุโอกะ, นาโกย่า และโอซาก้า ซึ่งฟุกุโอกะ จะเริ่มบินในวันที่ 15 ก.พ.62 ส่วนนาโกย่า จะเริ่มบินในวันที่ 8 มี.ค. และโอซาก้า จะเริ่มบินในวันที่ 28 มี.ค.นี้ โดยมั่นใจว่า เที่ยวบินจากกรุงเทพ (ดอนเมือง) ไปฟุกุโอกะ -นาโยก่า-โอซาก้า จะมีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) มากกว่า 70% และคาดว่าจำนวนผู้โดยสารจากไทยและญี่ปุ่นมีสัดส่วน 50:50
นอกเหนือจากเส้นทางบินประเทศญี่ปุ่นแล้ว สายการบินไทย ไลอ้อนแอร์ ยังขยายเส้นทางบินใหม่ไปยังเมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกาอีกด้วย โดยจะเริ่มทำการบินวันที่ 30 ม.ค.นี้ โดยเส้นทางบินใหม่ 4 เส้นทาง ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737MAX-9 ที่มีความจุกว่า 200 ที่นั่งเพื่อความคล่องตัวและจำหน่ายตั๋วโดยสารได้ง่ายขึ้น
นายอัศวิน กล่าวว่า ในปี 62 สายการบินไทย ไลอ้อนแอร์ ตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารเติบโต 10% จากปี 61 ที่มีจำนวนผู้โดยสารรวม 10 ล้านคน ส่วน Cabin Factor ในปี 62 ตั้งเป้าไว้ที่ 80% จากปีกอนเฉลี่ยที่ 70% รวมทั้งมีแผนจะรับมอบเครื่องบินใหม่ แอร์บัส A330 จำนวน 2-3 ลำ โดยครึ่งปีแรกรับมอบ 2 ลำ ปัจจุบันไทยไลอ้อนแอร์ มีฝูงบินจำนวน 34 ลำ เป็น A330 จำนวน 3 ลำ ที่เหลือ 31 ลำเป็นโบอิ้ง B737
แนวโน้มตลาดปีนี้ นายอัศวิน กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมาแล้ว ซึ่งได้แรงกระตุ้นจากมาตรการฟรีวีซ่า เข้ามาช่วยได้มาก เห็นได้ชัดในช่วงตรุษจีนมีนักท่องเที่ยวจีนกลับมามียอดจอง 80-90% ของเส้นทางบินในตลาดจีน เพิ่มขึ้นจากยอดจองเดือนม.ค. ที่มี 60-70% ทั้งนี้ ไทยไลอ้อนแอร์เป็นสายการบินที่คนจึนนิยมเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งมีเส้นทางไปจีน 28 เมือง ทำการบิน 19 เที่ยวบิน/วัน
นายอัศวิน คาดว่าในปีนี้ ไทยไลอ้อนแอร์ มีโอกาสพลิกมีกำไร และยังคงแผนธุรกิจที่จะเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งบริษัทต้องมีกำไรต่อเนื่อง 3 ปี พร้อมมีแผนจะเปิดจุดบินที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นในช่วงปลายปี 62 และมีแผนเปิดจุดบินในยุโรป ส่วนในเกาหลีใต้ รอให้สำนักงานการบินของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FAA)เข้ามาตรวจสอบ และประกาศปรับระดับประเทศไทยจาก Category 2 เป็น Category 1 ให้ได้ก่อนจึงจะเปิดทำการบินได้
นางนันทพร โกมลสิทธิ์เวช ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กล่าวว่า สถานการณ์การแข่งขันของสายการบินโลว์คอสต์แอร์ไลน์เริ่มนิ่งๆแล้ว แต่ยังมีราคาต่ำเพื่อโฆษณา แต่ไม่ได้ต่ำมากเหมือนเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว เพราะไม่มีรายไหนขายราคาต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งขณะนี้ราคาน้ำมันปรับตัวลงมาที่ 70 เหรียญ/บาร์เรล จากปีก่อนราคาปรับขึ้นไปที่ 90 เหรียญ/บาร์เรล และคาดว่าราคาตั๋วค่อยๆปรับฐาน
ปัจจุบัน ไทยไลอ้อนแอร์ มีส่วนแบ่งการตลาด 34% หรือเป็นอันดับ 2 ของตลาดโลว์คอสแอร์ไลน์ โดยมีไทยแอร์เอเชียเป็นอันดับ 1 และ นกแอร์เป็นอันดับ 3
นอกจากรายได้จากตั๋วโดยสารแล้ว สายการบินฯ หารายได้เสริม จากการบริการ โดยเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ไทยไลอ้อนแอร์เริ่มเก็บน้ำหนักกระเป๋า โดยไม่เก็บตามราคาเหมา แต่จะเริ่มเก็บค่าบริการตั้งแต่น้ำหนัก 1 - 45 กก. ราคาเริ่มต้น 30 บาท/กก.
ด้านนายเอโกะ โอะมุนะ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น สำนักงานกรุงเทพ กล่าวว่า ไทยเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นในปีที่แล้ว จำนวน 1,132,100 คน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดประวัติการณ์ และคาดว่าปีนี้ นักท่องเที่ยวไทยจะเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นมากกว่าปีก่อน เพราะมีเที่ยวบินตรงจากไทยไปญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก และมีอัตราเพิ่มขึ้น โดยในเดือน ธ.ค.61 มีจำนวนเพิ่มขึ้น 40 เที่ยวบินจากเดือน ธ.ค. 60 และปี 63 ญี่ปุ่นจะโปรโมทการเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก ซึ่งญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 40 ล้านคน