นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กรมธุรกิจพลังงาน เตรียมออกประกาศกำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล เพื่อส่งเสริมให้มีการน้ำมัน B20 ในยานยนต์ปัจจุบัน ซึ่งจะรองรับการเปิดจำหน่ายน้ำมัน B20 ในสถานีบริการน้ำมันทั่วไปที่จะเริ่มนำร่อง 10 แห่งในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นการจำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันของบมจ.ปตท. (PTT) จำนวน 5 แห่ง และบมจ.บางจากคอร์ปอเรชั่น (BCP) จำนวน 5 แห่ง ซึ่งจะช่วยลดมลภาวะโดยเฉพาะค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ลงได้ 10-15% เมื่อเทียบกับน้ำมันดีเซลปกติ ขณะที่ได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตรถยนต์ทั้ง HINO, ISUZU, SCANIA, VOLVO และอีกหลายยี่ห้อว่ามีรถยนต์รุ่นใดบ้างที่สามารถใช้ B20 เป็นเชื้อเพลิงได้ โดยส่วนมากเป็นรถยนต์ที่มีมาตรฐานมลพิษ Euro II
"มีคำแนะนำว่า B20 ให้ใช้กับรถใหญ่ที่ปรับสภาพรถเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตรถยนต์ไม่ว่าจะเป็น HINO , ISUZU SCANIA, VOLVO และอีกหลายยี่ห้อที่ตามมาว่ามีรุ่นใดบ้าง ส่วนมากเป็น Euro II ที่ใช้ปัจจุบันรวมทั้งหมด 1 แสนคันของ HINO ส่วน ISUZU ก็เท่า ๆ กัน SCANIA VOLVO ก็ลดหลั่นกันไป รถคันไหนเติม B20 ได้ให้สอบถามจากผู้ผลิตรถยนต์ของท่านแล้วก็ปรับสภาพให้เรียบร้อย"นายศิริ กล่าว
นายศิริ กล่าวอีกว่า สำหรับราคาจำหน่าย B20 ในช่วงนี้ยังมีราคาต่ำกว่าน้ำมันดีเซลปกติทั่ว่ไป 5 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นมาตรการสนับสนุนพิเศษที่จะสิ้นสุดในวันที่ 28 ก.พ.นี้ หลังจากนั้นจะจำหน่ายในอัตราปกติที่ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลทั่วไป 3 บาท/ลิตร เพราะไม่ต้องการให้เป็นภาระกับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมากเกินไป แต่การมีมาตรการพิเศษในช่วงแรกเพราะการใช้ B20 ยังมีอัตราไม่มากและมีการจำกัดขอบเขตการขายผ่าน Fleet เท่านั้น โดยอุดหนุนที่ผ่านมายังไม่เกิน 5 ล้านบาท/เดือน แต่หากมีการขยายผลใช้กันแพร่หลายมากขึ้น โดยยังคงมีมาตรการอุดหนุนพิเศษก็จะทำให้เป็นภาระกับกองทุนน้ำมันฯมากขึ้น
ทั้งนี้ มีเป้าหมายว่าจะมีรถบรรทุกขนาดใหญ่มาใช้ประมาณ 50% ของจำนวนรถบรรทุกหรือรถสาธารณะทั้งหมด ก็คาดวาจะทำให้เกิดการใช้น้ำมัน B20 จำนวน 15 ล้านลิตร/วัน จากปริมาณการใช้ดีเซลทั้งหมด 65 ล้านลิตร/วัน ซึ่งจะช่วยให้ใช้เกิดการใช้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เพิ่มขึ้นอีก 4 แสนตัน/ปี จากปัจจุบันมีการใช้ทำเป็นไบโอดีเซล 1.2 ล้านตัน/ปี ก็จะเพิ่มเป็น 1.6 ล้านตัน/ปี ก็จะช่วยเกิดสมดุลของน้ำมันปาล์มดิบของประเทศที่อยู่ประมาณ 2.5 ล้านตัน/ปี แบ่งเป็น การผลิตเพื่อบริโภค 9 แสนตัน/ปี และไบโอดีเซล 1.6 ล้านตัน/ปี รวมถึงยังช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ด้วย
หลังจากการเปิดนำร่องจำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันของปตท.และบางจาก แล้ว ในอนาคตคาดว่าจะมีผู้ค้าน้ำมันรายอื่นเข้ามาให้บริการเพิ่มเติม ทั้งบมจ.ซัสโก้ (SUSCO) และบมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG)