คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ (อีดีบี) เปิดเผยว่า สิงคโปร์สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเป็นมูลค่าสูงถึง 1.61 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ (FAI) ในปี 2550 โดยขยายตัว 82.95% จากระดับ 8.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปี 2549 และสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 8.5-9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ อีกทั้งยังนับเป็นครั้งแรกที่การลงทุนดังกล่าวมีมูลค่าเกินกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์
ทั้งนี้ เมื่อการลงทุนเสร็จสมบูรณ์ ทำให้เกิดการจ้างงานใหม่ 28,600 ตำแหน่งในปีที่แล้ว และทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้น 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี
สิงคโปร์พยายามเสาะหาการลงทุนที่มุ่งเน้นด้านทุน ความรู้ และนวัตกรรม ซึ่งอีดีบีกล่าวว่าเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของสิงคโปร์พัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
โดยในปีที่แล้วมีโครงการผุดขึ้นเกือบ 400 โครงการ รวมถึงโครงการสำคัญๆ อย่างโครงการขยายโรงงานปิโตรเคมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ของบริษัทเอ็กซอนโมบิล ซึ่งเมื่อโครงการดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ในปี 2554 จะทำให้โรงงานแห่งนี้เป็นโรงกลั่นและเคมีที่ใหญ่ที่สุดในโลกของเอ็กซอนโมบิล
นอกจากนี้ บริษัทเนสท์เล่ ออยล์ ของฟินแลนด์ ก็อยู่ในระหว่างการก่อสร้างโรงงานไบโอดีเซลรุ่นใหม่ ขณะที่โนวาร์ทิสของสวิตเซอร์แลนด์กำลังสร้างโรงงานด้านเทคโนโลยีชีวภาพขนาดใหญ่ที่สิงคโปร์เช่นกัน
สำหรับในปี 2551 นี้ อีดีบีคาดว่า แนวโน้มการลงทุนสำหรับสิงคโปร์ยังคงเป็นบวก โดยการลงทุนในภาคการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.6-1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ แม้จะมีการคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะชะลอตัวก็ตาม นอกจากนี้ คาดว่าการลงทุนใหม่ๆในปีนี้จะทำให้มีตำแหน่งงานใหม่เพิ่มขึ้น 24,000 - 28,000 ตำแหน่ง และทำให้จีดีพีของสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 1.2-1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--