นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2562 เป็นต้นไป ธปท. เปิดเสรีการประกอบธุรกิจโอนเงินระหว่างประเทศมากขึ้น โดยได้ผ่อนคลายคุณสมบัติของผู้ประกอบการ จากเดิมคนไทยต้องมีสัดส่วนถือหุ้น 3 ใน 4 เหลือ 1 ใน 4 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ ๆ สามารถเข้ามาให้บริการได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันที่มากขึ้น และจะช่วยลดค่าธรรมเนียมโดยรวมลง เพราะในปัจจุบันค่าธรรมเนียมการโอนเงินของประชาชนรายย่อยผ่านธนาคารพาณิชย์และตัวแทนโอนเงินโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7% แต่ในการโอนไปยังบางประเทศอาจสูงถึง 10% ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศในภูมิภาค
ทั้งนี้ การประกอบธุรกิจโอนเงินระหว่างประเทศ จำเป็นต้องอาศัยเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ การเปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ที่มีเครือข่ายที่ครอบคลุมในหลายประเทศ จะช่วยให้เกิดการแข่งขันและมีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาให้บริการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยโดยรวม
"การเปิดเสรีการประกอบธุรกิจโอนเงินระหว่างประเทศในครั้งนี้ จะช่วยให้ประชาชนรายย่อย เช่น คนไทยที่ทำงานในต่างประเทศที่ต้องส่งเงินกลับให้ครอบครัว แรงงานต่างด้าวในไทยที่ต้องส่งเงินกลับ ผู้ประกอบการ SME ด้านท่องเที่ยว โรงแรม หรือ SME ที่ค้าขายผ่าน E-commerce รวมทั้งผู้ที่ค้าขายตามแนวชายแดน มีต้นทุนการโอนเงินและการทำธุรกิจที่ถูกลง รวมทั้งจะส่งเสริมให้การค้าชายแดนของประเทศมีความคล่องตัวและเติบโตมากขึ้น" ผู้ว่าการ ธปท.ระบุ
นอกจากการเปิดเสรีข้างต้น ธปท. ได้ผ่อนคลายหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้ใช้บริการไม่ต้องมาแสดงตน ณ สถานประกอบการ ซึ่งจะทำให้การทำธุรกรรมสะดวก คล่องตัว ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น
"การเปิดเสรีครั้งนี้ เป็นหนึ่งในมาตรการของ ธปท. เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย ได้รับบริการทางการเงินด้วยต้นทุนถูกลง สะดวก และทั่วถึงมากขึ้น เช่นเดียวกับการส่งเสริมบริการ E-payment ที่ผ่านมาที่ทำให้การโอนเงินในประเทศถูกลงอย่างมาก" นายวิรไท ระบุ