นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะถูกขับเคลื่อนจากภาคการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี อาหาร และสิ่งทอ
สศช.คาดว่าการส่งออกในปีนี้จะขยายตัวในกรอบ 10-12% ถึงแม้ว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แต่ก็เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนและให้แข็งค่าขึ้นใกล้ในระดับเดียวดับภูมิภาค ส่วนจะแข็งค่าขึ้นถึงระดับใดขึ้นกับการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ สภาพัฒน์จะจัดทำรายงานภาวะเศรษฐกิจ สังคม และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเสนอนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อใช้ในการพิจารณาหาแนวทางแก้ไขภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ด้านนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลและคัดเลือกคณะรัฐมนตรีที่เข้ามาบริหารประเทศ ควรจะเลือกบุคคลที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ และจะต้องมีทีมเศรษฐกิจที่มีความรู้ความสามารถ
ส่วนตัวบุคคลไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่หากประชาชนมีความมั่นใจจะช่วยให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้ เพราะการเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาจะทำให้การลงทุนและการบริโภคเริ่มฟื้นตัว
สำหรับนโยบายที่ภาคเอกชนจะเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ คือ ปัญหาค่าครองชีพของประชาชนในปัจจุบันที่มีการปรับตัวสูงขึ้น ปัญหาด้านต้นทุนพลังงานของผู้ประกอบการที่สูงขึ้น และเร่งส่งเสริมด้านการใช้พลังงานทดแทนอย่างจริงจัง รวมถึงช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยคาดว่าจะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ภายในปลายสัปดาห์นี้
ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีก แต่เชื่อว่า กระทรวงการคลังและ ธปท.จะดูแลได้ ขณะที่ผู้ประกอบการก็ได้มีการปรับตัวรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นบ้างแล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ศศิธร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--