นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ในฐานะประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน มีความพร้อมที่จะผลิตน้ำมันให้ได้ตามมาตรฐานยูโร 5 หากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบประกาศใช้มาตรฐานน้ำมันยูโร 5 ซึ่งหลังการประกาศใช้กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันจะมีระยะเวลาปรับปรุงโรงกลั่นประมาณ 5 ปี ซึ่งหากครม.ประกาศภายในปีนี้ ทางกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันก็ต้องเตรียมตัวเพื่อผลิตให้ได้ทุกรายภายในปี 67
อย่างไรก็ตามในส่วนของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ ได้เตรียมแผนจะผลิตน้ำมันยูโร 5 ภายในปี 65 บางส่วนหรือผลิตได้เกือบทั้งหมด จากกำลังผลิตปัจจุบันที่ 500 ล้านลิตร/เดือน ขณะที่ความต้องการดีเซลของประเทศอยู่ที่ 1,900 ล้านลิตร/เดือน และภายหลังจากการลงทุนโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project :CFP) แล้วเสร็จในปี 66 ที่จะเพิ่มกำลังกลั่นน้ำมันจาก 2.75 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 4 แสนบาร์เรล/วันนั้น ก็จะทำให้กลั่นน้ำมันเป็นมาตรฐานยูโร 5 ทั้งหมด โดยจะกลั่นน้ำมันดีเซลเพิ่มเป็น 800-900 ล้านลิตร/เดือน
ส่วนกรณีที่กระทรวงพลังงาน มีแนวทางที่จะช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 นอกจากการปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันให้เป็นมาตรฐานยูโร 5 แล้ว ยังเตรียมพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะลดปริมาณสำรองน้ำมันที่ปัจจุบันกำหนดสำรองน้ำมันดิบและสำเร็จรูปอยู่ที่ 7% ของปริมาณการจำหน่ายเพื่อลดต้นทุนให้กับผู้ค้ากรณีที่อาจจะต้องมีการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปยูโร 5 เข้ามาระยะสั้นนั้น ขณะนี้กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันยังไม่ได้รับหนังสือเชิญจากกระทรวงพลังงานเพื่อให้ไปร่วมแสดงความเห็นเรื่องการลดสำรองน้ำมันตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เห็นว่าเรื่องนี้คงเกี่ยวข้องกับผู้ค้าน้ำมันเป็นหลัก ในฐานะผู้นำเข้ามาจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันสำรองน้ำมันตามกฎหมาย สำหรับผู้ค้าน้ำมัน จะเป็นการสำรองน้ำมันสำเร็จรูปในระดับ 1% ของปริมาณการค้า ขณะที่กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน จะสำรองน้ำมันดิบตามกฎหมาย 6% โดยหากผู้ค้าน้ำมันนำเข้ายูโร 5 ก็ต้องเตรียมเรื่องระบบโลจิสติกส์ให้พร้อม รวมทั้งระบบการจำหน่ายผ่านหัวจ่ายและเตรียมถังใต้ดินให้พร้อมอีกด้วย