คณะกรรมการ่วมภาคเอกชน (กกร.) ประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 4.1% จากเดิมที่คาดจะขยายตัว 4.3% โดยเป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ที่ถูกกระทบจากเรื่องส่งออก และการลงทุนภาครัฐ
ขณะที่ในปี 2562 คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนยังรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ดีและจะเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ในกรอบประมาณการของ กกร. ที่ 4.0-4.3%
นอกจากนี้ กกร.มีความเป็นห่วงเรื่องค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งหากเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 2562 ด้วย โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 3.4% แข็งค่ามากสุดเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค เป็นรองเพียงค่าเงินรูเปียะห์อินโดนีเซียที่แข็งค่าขึ้น 3.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทเป็นผลจากปัจจัยเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าเพราะขาดแรงหนุน (หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณถึงโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยที่ลดทอนลง)
อีกทั้งยังมี ประเด็นเรื่องสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเติบโตชะลอลง คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกของไทยในปี 2562 อาจขยายตัวชะลอลงมาอยู่ในกรอบประมาณการ กกร. ที่ 5-7% เทียบกับที่ขยายตัว 6.7% ในปี 2561
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจอื่นที่สำคัญคือ การท่องเที่ยว โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2562 จะเติบโตในอัตราที่ใกล้เคียงกับในปี 2561 ที่ 7.5% ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในตลาดสำคัญ รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีนที่น่าจะทยอยเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนมากขึ้น อันเป็นผลจากความร่วมมือกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ในระยะข้างหน้า ที่ประชุม กกร.จะติดตามสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลการเลือกตั้งทั่วไปและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ความคืบหน้าเรื่องข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit ตลอดจนทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเพื่อประเมินผลต่อเศรษฐกิจและธุรกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป