เจอราร์ด ไมแนค นักยุทธศาสตร์ของมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงต้นปี 2551 นี้ เปิดฉากมาไม่สวยงามนัก เพราะมีกระแสความหวั่นวิตกเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้มีการหวั่นเกรงว่า จะส่งผลกระทบตลาดส่งออกทั่วโลก และนักวิเคราะห์เองก็คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นจะได้รับผลกระทบมากกว่านี้
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า เจอราร์ด กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าภาวะตลาดหุ้นที่ร่วงลงหรือ bear market ได้เกิดขึ้นแล้ว
ตลาดหุ้นหลักๆได้ร่วงลงมากในปีนี้ และคาดว่าจะย่ำแย่ในช่วงครึ่งปีแรก หรืออย่างน้อยก็จะเป็นเช่นนี้ไปจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะส่งสัญญาณการฟื้นตัวในระดับหนึ่ง ดัชนี MSCI ทุกประเทศชี้ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงประมาณ 12% แล้วในปีนี้
โดยดัชนีส่วนใหญ่ได้ร่วงลงมากกว่า หลังจากที่ได้แตะระดับสูงสุดตั้งแต่ปีที่แล้ว อาทิ ดัชนีฮั่งเส็งที่ร่วง 30% จากระดับสูงสุดเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่อยู่ใกล้ระดับ 32,000 จุด
เมื่อพิจารณาทางเทคนิคแล้ว ภาวะตลาดซบเซาหรือ bear market ได้เริ่มเกิดขึ้นแล้วในช่วงที่หุ้นต่างๆได้ปรับฐานมากกว่า 20% จากระดับสูงสุดก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ เห็นได้ชัดว่า นักลงทุนไม่คาดหวังว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นในเร็วๆนี้ และได้เลือกที่จะเทขายหุ้น แม้ว่าประธานาธิบดีบุชจะออกมาประกาศแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.45 แสนล้านดอลลาร์เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ เนื่องจากหลายฝ่ายมองว่ามูลค่าของแผนการกระตุ้นดังกล่าวยังไม่สูงพอและได้มีการนำมาใช้ในช่วงเวลาที่ล่าช้าเกินไป
โทนี่ ดอลฟิน ผู้อำนวยการของเฮนเดอร์สัน โกลบอล อินเวสเตอร์ กล่าวว่า มีแนวโน้มมากขึ้นที่เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ สหรัฐซึ่งยังคงเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกนี้ หากเข้าสู่ภาวะถดถอยก็จะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลงอย่างหนัก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--