นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงแนวโน้มค่าเงินบาทว่า ตั้งแต่สิ้นปี 61 จนถึงปัจจุบันแข็งค่า 4.1% ซึ่งอยู่ในระดับกลางๆ และไม่ได้เป็นเงินสกุลที่แข็งค่าที่สุดในโลก เพราะแข็งค่าน้อยกว่าอินโดนีเซียที่แข็งค่าไปถึง 4.3% ส่วนความผันผวนของค่าเงินบาท อยู่ที่ 4.3% ผันผวนน้อยกว่าสกุลเงินของ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และอินโดนีเซีย โดยยอมรับว่าการที่ค่าเงินสหรัฐฯอ่อนค่าจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน รวมกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอ ทำให้ค่าเงินในสกุลเงินเกิดใหม่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นมาในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ อาจมีความเข้าใจว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง.ในครั้งก่อนส่งผลให้เงินทุนไหลเข้าและทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงจากข้อมูลพบว่าตั้งแต่ต้นปีไทยมีเงินทุนไหลออกสุทธิ โดยเฉพาะจากตลาดพันธบัตร
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการประเมินภาพเศรษฐกิจ ซึ่ง กนง.จะติดตามการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และอาจพิจารณาเข้าดูแลถ้าค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วผิดปกติจนไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานและกระทบกับการปรับตัวของภาคธุรกิจ