นายวริทธิ์ นามวงษ์ อุปนายกสมาคมเพื่อนชุมชน ซึ่งเป็นความร่วมมือ 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ในพื้นที่มาบตาพุดคอมเพล็กซ์ จ.ระยอง เปิดเผยว่า สมาคมเพื่อนชุมชน วางเป้าหมายการดำเนินงานในปี 62 ที่จะร่วมขับเคลื่อนและขยายผลให้จ.ระยอง เป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ 3 หรือการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และจะพัฒนาจ.ระยองสู่การเป็น"เมืองน่าอยู่ คู่อุตสาหกรรม"ในอนาคต
ทั้งนี้ สมาคมเพื่อนชุมชน เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นบนความร่วมมือของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด 5 กลุ่มบริษัท ได้แก่ กลุ่มบมจ.ปตท. (PTT) ,กลุ่มบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือเอสซีจี ,บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด ,กลุ่มบมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) และกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เบื้องต้นดำเนินการในพื้นที่ 6 ตำบล ได้แก่ เนินพระ ห้วยโป่ง มาบตาพุด ทับมา มาบข่าพัฒนา และบ้านฉาง ซึ่งรวมเรียกว่ามาบตาพุดคอมเพล็กซ์ โดยมีเป้าหมายจะยกระดับความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตคนในชุมชนได้ดีขึ้น ด้วยการส่งเสริมด้านสุขภาพ การศึกษา สังคม และเศรษฐกิจชุมชน มุ่งเน้นการประยุกต์องค์ความรู้เทคโนโลยี นวัตกรรมและการบริหารจัดการภาคอุตสาหกรรมให้เป็นแบบอย่างที่ดีกับชุมชน โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 54 ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 8 ปี ได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ ไปกว่า 20 โครงการ
สำหรับการมุ่งพัฒนาสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ จะดำเนินการผ่านตัวชี้วัด 5 มิติ ได้แก่ มิติด้านกายภาพ มิติด้านสังคม มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านสิ่งแวดล้อม และมิติด้านการบริหารจัดการที่ดี ตามแนวทางของภาครัฐ
ทั้งนี้ การขยายผลเพื่อให้จ.ระยองเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับที่ 3 นั้น จะดำเนินการด้วยกลยุทธ์ SHE-WE Model หรือ ชีวี-มีสุข ซึ่งได้แก่ Social คือสังคมมีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ Health คือ คนในสังคมมีสุขภาพดี Environment คือ บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ Welfare คือ มุ่งให้คนในสังคมกินดีอยู่ดี และ Education คือ สร้างโอกาสทางการศึกษาเพื่อกลับมาพัฒนาบ้านเกิด และตั้งเป้าหมาย 76 โรงงานในมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ เป็น Eco Factory ครบ 100% ในปีนี้ โดยมีเป้าหมายให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโตไปพร้อม ๆ กับเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมและชุมชนอยู่ร่วมกันกับอุตสาหกรรมอย่างมีความสุด เพื่อพัฒนาสู่ "เมืองน่าอยู่ คู่อุตสาหกรรม"ในอนาคต
"ตลอดเวลา 8 ปีของสมาคมเพื่อนชุมชน ทำให้จังหวัดระยองเกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ สามารถสร้างความเข้มแข็งแก่คนในพื้นที่อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่มั่นคงในระยะยาว รวมถึงสร้างอาชีพให้แก่ชุมชนมีรายได้สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในพื้นที่ รวมถึงไปการดูแลพื้นที่สีเขียวและสิ่งแวดล้อม ทำให้จังหวัดระยองมีสิ่งแวดล้อมที่ดีควบคู่กับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวระยอง"นายวริทธิ์ กล่าว