นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ด EEC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน รับทราบหลักการแผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 – 2564 ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำเสนอ รวม 86 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 13,572 ล้านบาท (งบประมาณ 9,299 ล้านบาท และการร่วมลงทุนรัฐและเอกชน หรือ PPP 4,274 ล้านบาท) แยกเป็น 4 กลุ่ม
1. จัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี 27 โครงการ 2. ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมเมือง และชุมชนอย่างน่าอยู่ 14 โครงการ 3. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 8 โครงการ 4. บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ อย่างมีประสิทธิภาพ 37 โครงการ
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การดำเนินการทันที ที่ประชุมจึงให้ความสำคัญกับโครงการเร่งด่วน (Flagship Project) 14 โครงการ งบประมาณ 4,342 ล้านบาท และรัฐร่วมทุนเอกชน PPP 4,273 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน เร่งการจัดการมลพิษที่เป็นปัญหาสะสมในพื้นที่ ทั้งขยะและ น้ำเสีย โดยเน้นจัดหาและเพิ่มประสิทธิภาพระบบ ให้มีศักยภาพในการรองรับมากขึ้น
กลุ่มที่ 2 เตรียมการรองรับสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม และการฟื้นคืนทรัพยากรธรรมชาติในอนาคต โดยเร่งการศึกษาประเมินผลคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล เพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการฟื้นฟูการท่องเที่ยว เพื่อเป็นฐานการพัฒนาประเทศต่อไป
ทั้งนี้การขับเคลื่อนแผนสิ่งแวดล้อมฯ จะปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ควบคู่ไปกับการสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Creative and Green Economy) ที่ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ สามารถเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างเท่าเทียมกัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้รับทราบแผนการพัฒนาระบบสาธารณสุขในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกและการใช้พื้นที่ และสั่งการให้ติดตามความก้าวหน้าของแผนการพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยีและนวัตกรรม และขอทราบความก้าวหน้าของการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งการดำเนินการด้านการพัฒนาคน สาธารณสุข และการดูแลสิ่งแวดล้อมและผังเมือง จะเป็นกรอบสร้างความสุขถ้วนหน้าด้านสังคมให้กับประชาชนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
อีกทั้ง ยังได้รับทราบแผนปฏิบัติความร่วมมือพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับการศึกษาที่ กพอ. ได้อนุมัติไปเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2560 ซึ่งปีที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ทำงานร่วมกันในการพัฒนาบุคลากรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยได้บูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยยึดถือความต้องการของเอกชนเป็นสำคัญ และเพื่อให้บุคลากรทุกกลุ่มมีงานทำและมีรายได้สูงถ้วนหน้า ซึ่งจะทำให้เกิดผลกับประชาชนได้จริง