นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.วางยุทธศาสตร์ ปี 62 มุ่งสู่องค์กรสีเขียว Go Green สนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรยั่งยืนเป็นทางเลือกของการปฏิรูปภาคการเกษตร ด้วยการยกระดับการผลิตที่ปลอดภัยตามมาตรฐาน ตอบสนองความต้องการของตลาดและสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค พร้อมขยายช่องทางการตลาดให้กับเกษตรกร
ทั้งนี้ ธ.ก.ส.พร้อมขับเคลื่อนโครงการอาหารปลอดภัยจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค เริ่มจากการสร้างจิตสำนึกให้กับเกษตรกรด้วยโครงการสร้างความเข้มแข็งระดับครัวเรือน (โครงการ 459) ซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนาที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ มีความหมายว่า เดินออกจากบ้าน 4-5 ก้าวก็มีอาหารปลอดภัยไว้กิน ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และเมื่อมีผลผลิตเหลือบริโภคก็สามารถนำไปจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ โดย ธ.ก.ส.เริ่มดำเนินโครงการนี้ไปแล้วใน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง จำนวน 27 ชุมชน ซึ่งบางชุมชนสามารถนำผลผลิตไปจำหน่ายได้ที่ห้าง Modern Trade ได้ นอกจากนี้เพื่อให้เกษตรกรตระหนักถึงการผลิตอาหารที่ปลอดภัยที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ธ.ก.ส.มีแผนร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อตรวจสารพิษในร่างกายของเกษตรกรและตรวจสารตกค้างในผลผลิตอีกด้วย
นอกจากนั้น ธ.ก.ส.จะต่อยอดชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงที่ต้องการผลิตอาหารปลอดภัยจำนวน 315 ชุมชน ที่ ธ.ก.ส.ให้การสนับสนุนให้มีการผลิตที่ได้มาตรฐานต่างๆ ได้แก่ มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) เป้าหมายเกษตรกร 2,000 ราย 200 ชุมชน มาตรฐานการตรวจรับรองคุณภาพแบบมีส่วนร่วมของชุมชน (PGS) เป้าหมายเกษตรกร 1,500 ราย 150 ชุมชน และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ไทย (Organic Thailand) เป้าหมายเกษตรกร 500 ราย 50 ชุมชน รวมถึงสนับสนุน Smart Farmer ทายาทเกษตรกรให้มีการรวมกลุ่มและสร้างเครือข่ายผู้ผลิตอาหารปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ โดยประสานความร่วมมือกับ หน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กรมวิชาการเกษตร เป็นต้น โดยมีแผนพัฒนาให้สหกรณ์การเกษตรเป็นคณะผู้ตรวจประเมิน และมีความพร้อมสำหรับการตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อสร้างการรับรู้และความมั่นใจให้กับเครือข่ายผู้บริโภค
โครงการเกษตรหรืออาหารปลอดภัยนี้จะขับเคลื่อนผ่านกระบวนการของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) สหกรณ์การเกษตร (สกก.) และบริษัท ไทยธุรกิจเกษตร จำกัด (TABCO) ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมสินค้า การแปร รูปสร้างมูลค่าเพิ่มและการกระจายสินค้าจากเกษตรกรผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค และ ธ.ก.ส.จะสนับสนุนสินเชื่อให้สหกรณ์และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน รวบรวม แปรรูปผลผลิต เช่น สร้างโรงคัดตัดแต่งผลผลิต จัดซื้อ ห้องเย็น และรถขนส่ง เป็นต้น
ผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าวว่า Go Green เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ ธ.ก.ส.จะดำเนินการควบคู่กับแนวทางการปฏิรูปภาคการเกษตรไทย คือ ปรับการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรเพื่อลดต้นทุน เปลี่ยนการผลิตให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ และให้ตรงกับความต้องการของตลาด พัฒนาสหกรณ์การเกษตร และผู้ประกอบการ SMAEs เป็นหัวขบวนนำการเปลี่ยนแปลง โดยสนับสนุน ให้มีการผลิตการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่มูลค่าสินค้าเกษตร
"การก้าวสู่ Go Green เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาภาคเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ตอบโจทย์สำคัญในเรื่องของการดูแลสุขภาพทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคไปพร้อมกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ซึ่ง ธ.ก.ส.พร้อมสนับสนุนแหล่งเงินทุนและความรู้ในการพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อให้เกษตรกรมีภูมิคุ้มกันและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ชุมชนมีความ เข้มแข็งและมีรายได้เพิ่มจากผลผลิตที่มีความปลอดภัยและมีมาตรฐานรองรับ ส่งผลถึงความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ของภาคเกษตรไทย" นายอภิรมย์ กล่าว