KBANK มองเงินบาทปีนี้มีสิทธิแตะ 31.50-32.00 คาด ธปท.คงดอกเบี้ยอาร์/พี

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 23, 2008 14:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองโอกาสที่เงินบาทยังคงแข็งค่าต่อแตะระดับ 31.50-32.00 บาท/ดอลลาร์ภายในปีนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75% เพื่อชะลอการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ และมีโอกาสที่จะปรับลดลงอีก 0.50% ในปลายเดือนนี้ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมา
นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) คาดการณ์ว่าเงินบาทมีโอกาสปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับ 31.50-32.00 บาท/ดอลลาร์ ภายในปีนี้ เนื่องจากดอลลาร์ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ขณะที่การส่งออกของไทยอาจจะเติบโตไม่เท่ากับปีก่อน เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
สำหรับส่วนต่างระหว่างเงินบาทที่ซื้อขายในประเทศ และในตลาดนอกประเทศ ยังคงมีส่วนต่าง(gap)อยู่ ซึ่งเป็นผลจากมาตรการ 30% ที่ทำให้ไม่เกิดการเก็งกำไรค่าเงินบาทในประเทศ จึงมองว่ามาตรการ 30% ยังมีประโยชน์ในการช่วยดูแลไม่ให้เงินบาทผันผวนจนเกินไป
ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปีนี้ คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.25% จนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากนโยบายการเงินของธปท. ยังคงให้ความสำคัญกับเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้จะมาจากต้นทุนด้านราคาน้ำมัน(cost push inflation) แต่เมื่อเทียบกับปี 2547 ที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันเช่นกัน ธปท.ก็ยังตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ที่ 4% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ไม่สูงมากนัก แต่ต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นในครั้งนี้กลายเป็นต้นทุนที่ผู้ผลิตต้องเป็นผู้แบกรับแทน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยและสหรัฐในขณะนี้ หรือในอนาคตอันใกล้ ถ้ายังไม่ถึง 1% จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนในโลก เพราะกระแสเงินทุนในตลาดโลกขณะนี้ กำลังเคลื่อนไปในทิศทางที่ไหลเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจะสังเกตได้จาก yield curve ของพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลดลง
ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยนั้น เชื่อว่าเมื่อสหรัฐสามารถแก้ปัญหาซับไพร์มได้แล้ว นักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีก เพราะตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจมากกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน จากการที่มี P/E Ratio ที่ต่ำกว่า ในขณะที่ปีนี้แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้น
ในด้านตลาดพันธบัตรของไทยก็ยังน่าสนใจ เพราะนักลงทุนยังมีโอกาสได้รับ capital gain และผลตอบแทนจากส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยน จากการที่เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ