นายนิยต มาศะวิสุทธิ์ ผู้บริหารสูงสุด บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานปี 62 ว่า บสส.มีเป้าหมายเก็บเงินสดรับที่ 11,600 ล้านบาท และเพิ่มขนาดพอร์ตสินทรัพย์เพิ่มเติมด้วยการเข้าประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากธนาคารพาณิชย์ตามแผนระยะยาวที่ตั้งไว้ให้ได้ตามเป้าหมายที่ 16,500 ล้านบาท ปัจจุบัน บสส.มีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) คงเหลือมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3.35 แสนล้านบาท แบ่งเป็น ลูกหนี้รายใหญ่ 66% คิดเป็น 223,500 ล้านบาท SME 30% คิดเป็น 99,500 ล้านบาท และรายย่อย 4% คิดเป็น 12,000 ล้านบาท
นายนิยต กล่าวว่า บสส. จะมุ่งเน้นการช่วยเหลือลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้ทุกกลุ่มให้บรรลุข้อตกลงได้ง่ายและสะดวกรวดเร็วขึ้น โดยมีแผนการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ เช่น กิจกรรมลดหนี้มีสุข กิจกรรมเปิดบ้านทำงานวันหยุด เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเข้ามาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้นอกวันทำการ และเพิ่มเติมกิจกรรมสัญจร (Mobile Branch) เพื่อเดินทางไปพบลูกค้าและให้บริการในพื้นที่อย่างทั่วถึงตลอดปี สำหรับทรัพย์สินรอการการขาย (NPA) คงเหลือจำนวน 3,700 รายการ มูลค่ารรวม 21,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ทรัพย์รายใหญ่มูลค่ามากกว่า 20 ล้านบาท คิดเป็น 5% ที่เหลือเป็นทรัพย์มูลค่าต่ำกว่า 20 ล้านบาท คิดเป็น 95% โดยกว่า 50% เป็นทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย ดังนั้นกลยุทธ์การบริหารจัดการ NPA ในปีนี้ บสส. จึงเน้นการทำตลาดเข้าถึงลูกค้ารายย่อย พร้อมวางแผนจัดกิจกรรมต่างๆ ตลอดปี เช่น การจัดงานประมูลทรัพย์ NPA รวม 9 ครั้ง การเปิดบูธ "ทรัพย์มือสองต้อง SAM" รวม 6 ครั้ง ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขาย NPA ได้ถึงสิ้นปี สำหรับแผนงานโครงการคลินิกแก้หนี้ บสส.ได้เตรียมความพร้อมขยายขอบเขตการให้บริการ เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่ม Non-Bank และเพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เครดิตบูโร เพื่อลดกระบวนการและขั้นตอนการตรวจสอบให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งมีแผนจัดกิจกรรม เปิดบ้านทำงานวันหยุด กับคลินิกแก้หนี้ ทุกวันเสาร์ โดยจะเริ่มครั้งแรกในวันเสาร์ที่ 23 ก.พ.62 จนถึงตลอดเดือนมี.ค.นี้ ณ ที่ทำการ อาคารเล้าเป้งง้วน ถ.วิภาวดีรังสิต พร้อมกันนี้ ในปี 62 บสส.จะให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัยเข้ามาให้บริการลูกค้าผ่านแอปพลิเคชั่น เว็บไซต์ และสื่อโซเชียล เพื่อเข้าถึงลูกคาและสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง สะดวก และรวดเร็ว นายนิยต ยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 61 ว่า ณ สิ้นเดือน ธ.ค.61 บสส. ได้รับชำระเงินสดรวมทั้งสิ้น 11,422 ล้านบาท คิดเป็น 134% ของเป้าหมาย โดยมาจากจากบริหาร NPL ประมาณ 7,000 ล้านบาท คิดเป็น 62% และการจำหน่าย NPA มากกกว่า 4,000 ล้านบาท คิดเป็น 38% ตลอดปี 61 บสส. สามารถซื้อสินทรัพย์ NPL เพิ่มเติมได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งนี้ ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 43 ถึง ณ สิ้นเดือน ธ.ค.61 บสส. สามารถนำส่งเงินคืนกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เป็นเงินสะสมรวมทั้งสิ้นกว่า 2.5 แสนล้านบาท ส่วนโครงการคลินิกแก้หนี้ในปี 61 มีผู้สมัครเข้าโครงการ 9,800 ราย มีผู้ผ่านคุณสมบัติและลงนามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว 1,087 ราย ปัจจุบันมีลูกหนี้ที่ยังผ่อนชำระอยู่กับโครงการเกือบ 1,000 ราย ภาระหนี้รวมทั้งสิ้น 270 ล้านบาท นายนิยต ยังกล่าวถึงแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบภายหลังจาก พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 63 ว่า อาจจะทำให้ บสส.ได้รับผลกระทบในส่วนของภาระการจ่ายภาษีที่ดินเพิ่มขึ้นในส่วนของทรัพย์ NPA ที่ซื้อมาจากสถาบันการเงิน แต่ทั้งนี้ บสส. จะได้รับสิทธิการลดหย่อนภาษีที่ดินในระยะ 5 ปีแรก ที่ 0.05% ซึ่งจะสามารถช่วยลดภาระด้านภาษีลงได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี ภาษีที่ดินอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่ตัดสินใจจะซื้อที่ดินว่างเปล่า ซึ่งจะต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าจะต้องซื้อเพื่อนำไปพัฒนาหรือใช้ประโยชน์จริง ไม่ใช่การเก็บที่ดินไว้โดยเปล่าประโยชน์ เพราะจะทำให้ถูกจัดเก็บภาษีในอัตราสูง ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นและเกิดความไม่คุ้มค่า แต่ในขณะเดียวกันผู้ที่มีที่ดินอยู่แล้วอาจจะมีความต้องการขายเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องการเสียภาษีที่ดินในอัตราสูง ซึ่งอาจทำให้ในปีหน้าปริมาณ supply ในตลาดอาจจะเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้ระดับราคาที่ดินจะไม่ปรับสูงขึ้นมากนัก "ดังนั้นคนที่จะซื้อ NPA อาจจะต้องระมัดระวัง และต้องมั่นใจจริงๆ ว่าเมื่อซื้อแล้ว จะต้องสร้างรายได้ได้ ซึ่งไม่ใช่เป็นการซื้อเก็บ" นายนิยต ระบุ