เย็นนี้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าจากในช่วงเช้า ภายหลังจากกระทรวงพาณิชย์รายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศเดือน ม.ค.62 พบว่ามูลค่าการส่งออกลดลง 5.65% โดยการส่งออกยังติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
"บาทวันนี้อ่อนค่าไปพอสมควร เป็นเพราะตัวเลขส่งออกเดือนม.ค. ออกมาผิดไปจากที่ตลาดคาดไว้" นักบริหารเงิน
อย่างไรก็ดี เงินบาทในสัปดาห์หน้ายังมีทิศทางที่จะอ่อนค่าได้ต่อ โดยตลาดยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงความชัดเจนในเรื่องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit)
นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.22 - 31.50 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.80/85 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 110.74 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1338/1342 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1338 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,659.20 จุด เพิ่มขึ้น 11.88 จุด (+0.72%) มูลค่าการซื้อขาย 50,800 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,261.91 ลบ.(SET+MAI)
- กระทรวงพาณิชย์ รายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ม.ค.62 การส่งออก มีมูลค่า
โดยการส่งออกที่ติดลบเนื่องจากแรงกดดันจากภาวะการค้าโลกที่ชะลอตัว และอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าชะงักงัน ซึ่งส่วน หนึ่งเป็นผลจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อทำให้เกิดการชะลอคำสั่งซื้อ นอกจากนี้ยังเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง เงินบาทแข็งค่า และมูลค่าการส่งออกทองคำ และรถยนต์ปรับตัวลดลง
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินในไตรมาส 4/2561 โดยยืนยันที่
- สำนักงานสถิติของเยอรมนี เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีในไตรมาส 4/61
พร้อมกันนี้ รัฐบาลเยอรมนีได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ในปี 2562 สู่ระดับ 1.0% จากเดิมที่ระดับ 1.8% อันเนื่องจาก การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ดำเนินการตามข้อตกลง reverse repo ประเภทอายุ 7 วัน วงเงิน 4 หมื่นล้าน
- สัปดาห์หน้าติดตามการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตร
มาส 4/2561, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จาก Conference Board, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอด
ทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เดือนม.ค.เป็นต้น ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหภาพยุโรป (EU) ที่จะรายงานในสัปดาห์หน้า
เช่น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ., ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.พ. เป็นต้น