ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ผลกระทบของสงครามการค้า และแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ จะยังเป็นปัจจัยกดดันมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในช่วงไตรมาส 1/62 ให้หดตัวในช่วงกรอบประมาณการที่ -8.0 ถึง -4.0% (ค่ากลางที่ -6.0%) หรือคิดเป็นมูลค่าส่งออกเฉลี่ยประมาณ 19,300-20,100 ล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือน จากปัจจัยฐานในปี 61 ที่สูงผิดปกติเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปีอื่นๆ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลของปัจจัยเฉพาะ เช่น การซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ การส่งออกสินค้ารายการพิเศษ (สินค้าในหมวดอากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ) ไปญี่ปุ่น เป็นต้น
พร้อมมองว่า การส่งออกสินค้าไทยจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3 ไตรมาสหลังของปี 62 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีสัญญาณที่ดีขึ้นมากกว่าที่ประเมินไว้ในช่วงก่อนหน้า กล่าวคือ สหรัฐฯ คงจะยืดระยะเวลาการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนจาก 10% เป็น 25% ในวันที่ 1 มี.ค.62 ออกไปอีกสักระยะ จนกว่าการเจรจาทางการค้าระหว่างสองประเทศจะเสร็จสิ้น ซึ่งก็น่าจะทำให้ผลกระทบเรื่องสงครามการค้าบรรเทาลงกว่าที่ประเมินไว้
"แต่ยังต้องติดตามภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และเศรษฐกิจสหภาพยุโรป รวมถึงประเด็นเรื่องแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลในระยะยาวต่อการส่งออกสินค้าไทย" เอกสารเผยแพร่ระบุ
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกสินค้าไทยในปี 62 ไว้ที่ 4.5% (กรอบประมาณการ 2.0 - 6.0%)
สำหรับมูลค่าการส่งออกในเดือนม.ค.62 อยู่ที่ 18,993.9 ล้านดอลลาร์ฯ ติดลบ 5.65% หดตัวมากกว่าที่คาด และนับว่าเป็นการหดตัวสูงสุดในรอบ 30 เดือน (ตั้งแต่เดือนก.ค.59 เป็นต้นมา) โดยเป็นผลของหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจสหภาพยุโรปที่มาจากการอ่อนแรงของอุปสงค์ภายในประเทศ ซึ่งทำให้การส่งออกสินค้าไทยไปยัง 2 ตลาดนี้หดตัวที่ -16.7% และ -3.7% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังเป็นผลของฐานเปรียบเทียบที่สูงจากปัจจัยหนุนนำต่างๆ ในปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันดิบโลกที่อยู่ในระดับสูงกว่าปีปัจจุบัน วัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น การซื้อขายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) รวมไปถึงการเร่งนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของจีน เพื่อรองรับการผลิตเอทานอลและแอลกอฮอล์ตามนโยบายการใช้พลังงานทดแทนในประเทศหลังสต็อกข้าวโพดจีนทยอยลดลง
การหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ของการส่งออกสินค้าไทย สอดคล้องกับการส่งออกสินค้าของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคที่หดตัวค่อนข้างมากในเดือนม.ค.62 ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกสินค้าของญี่ปุ่น (-8.4%) สิงคโปร์ (-10.1%) และเกาหลีใต้ (-5.8%) จากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ ประกอบกับการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน
"การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนของสหรัฐฯ วัฏจักรขาลงของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ราคาน้ำมันดิบโลกที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงปัจจัยฐานที่สูงในปีก่อน เป็นปัจจัยที่กดดันให้การส่งออกสินค้าของไทยในเดือนม.ค.62 หดตัว 5.65 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการส่งออกสินค้าของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคที่หดตัวสูง เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้" เอกสารเผยแพร่ระบุ