สำนักงบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐ (CBO) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.7% ในปี 2551 จากปีที่แล้วที่ระดับ 2.2% อย่างไรก็ตาม CBO เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่ถึงกับเข้าสู่ภาวะถดถอย
"แม้มีข้อมูลบ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2551 แต่ CBO เชื่อว่าการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่รุนแรงจนเข้าขั้นถดถอย ส่วนในปี 2552 นั้น CBO คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 2.8%" CBO กล่าวในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจและงบประมาณ
ทั้งนี้ CBO กล่าวว่า ปัญหาในตลาดที่อยู่อาศัยและตลาดการเงิน ประกอบกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว ส่วนในช่วงกลางปี 2549-ปลายปี 2550 นั้น แม้การลงทุนในแต่ละภูมิภาคของสหรัฐชะลอตัวลง แต่ความแข็งแกร่งของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนในภาคเอกชน ได้ช่วยประคับประคองเศรษฐกิจสหรัฐให้รอดพ้นวิกฤตการณ์มาได้
"แต่ในปีนี้ เราคาดว่าการชะลอตัวของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนในภาคเอกชนจะส่งผลให้เศรษฐกิจอ่อนตัวลงอย่างมาก โดยเราคาดว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคจะชะลอตัวลงเนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยลดลง ต้นทุนการกู้ยืมพุ่งสูงขึ้น ราคาน้ำมันที่แพงขึ้น และรายได้ที่ปรับตัวลดลง" CBO กล่าว
"นอกจากนี้ CBO คาดว่าความต้องการสินค้าและการบริการภายในประเทศจะอ่อนแอลง ซึ่งจะทำให้การลงทุนในภาคเอกชนลดน้อยลง และจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลงอย่างมาก"
อย่างไรก็ตาม CBO คาดว่า ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้ารายใหญ่ๆของสหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง จะช่วยชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความต้องการภายในประเทศที่ชะลอตัวลงในปีนี้ได้ และจะกระตุ้นให้ภาคการส่งออกของสหรัฐฟื้นตัวขึ้นด้วย
ส่วนในเรื่องเงินเฟ้อนั้น CBO คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อในสหรัฐจะชะลอตัวลงในปีนี้ และคาดว่าเงินเฟ้อจะลดลงแตะระดับ 1.8% ในปี 2552 เนื่องจากราคาอาหารและพลังงานปรับตัวลดลง ขณะเดียวกันคาดว่าอัตราว่างงานโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 5.1% ในปีนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--