น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบให้การส่งเสริมโครงการขนาดใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ศูนย์ซ่อมอากาศยาน และขนส่งทางอากาศ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 40,462 ล้านบาท คาดสร้างการใช้วัตถุดิบจากยางธรรมชาติในประเทศ กว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี ได้แก่
1. บริษัท เอดับเบิ้ลยู (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับส่งเสริมโครงการผลิตชุดเกียร์ส่งกำลังอัตโนมัติ เงินลงทุนทั้งสิ้น 7,244 ล้านบาท ตั้งโครงการในจังหวัดชลบุรี โครงการนี้จะผลิตเพื่อป้อนค่ายรถยนต์ชั้นนำทั้งในประเทศและในต่างประเทศ ซึ่งช่วยลดการนำเข้าชุดเกียร์ส่งกำลังอัตโนมัติจากต่างประเทศที่นำมาผลิตรถยนต์ในประเทศไทย
2. บริษัท เจนเนอรัล รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับส่งเสริมโครงการผลิตยางล้อสำหรับยานพาหนะ เงินลงทุนทั้งสิ้น 9,721 ล้านบาท ตั้งโครงการในจังหวัดระยอง โครงการนี้จะสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากยางพาราในประเทศตามนโยบายรัฐบาล โดยจะใช้วัตถุดิบซึ่งเป็นยางธรรมชาติในประเทศประมาณ 35,398 ตัน/ปี มูลค่าประมาณ 1,673 ล้านบาท/ปี
3. MR. XUNNING JU ได้รับส่งเสริมโครงการผลิตยางล้อสำหรับยานพาหนะ เงินลงทุนทั้งสิ้น 10,061 ล้านบาท ตั้งโครงการในจังหวัดชลบุรี โครงการนี้จะสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากยางพาราในประเทศตามนโยบายรัฐบาล โดยจะใช้วัตถุดิบซึ่งเป็นยางธรรมชาติในประเทศประมาณ 23,838 ตัน/ปี มูลค่าประมาณ 1,433.3 ล้านบาท/ปี
4. เรืออากาศโท รณชัย วงศ์ชะอุ่ม ได้รับส่งเสริมโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน โดยเป็นการร่วมทุนของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กับบริษัทผู้ผลิตอากาศยานรายใหญ่ของโลก เงินลงทุนทั้งสิ้น 6,468 ล้านบาท ตั้งโครงการที่เมืองการบินภาคตะวันออก (EEC-A) จังหวัดระยอง โครงการนี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในด้านการซ่อมบำรุงอากาศยานรุ่นใหม่ รวมทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพของช่างอากาศยานตามมาตรฐานสากล รวมทั้งช่วยดึงดูดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานและการบินให้เข้ามาลงทุนในไทยมากยิ่งขึ้น
5. บริษัท ไทยไลอ้อน เมนทารี จำกัด ได้รับส่งเสริมโครงการขนส่งทางอาอากาศ เงินลงทุนทั้งสิ้น 6,968 ล้านบาท โดยเป็นกิจการสายการบินราคาประหยัด ให้บริการทั้งเส้นทางการบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีส่วนช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
น.ส.ดวงใจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมอนุมัติในหลักการโครงการไบโอฮับ แต่ให้นำกลับไปพิจารณาเพิ่มเติม โดยต้องการให้เกิดการลงทุนในลักษณะคลัสเตอร์ ที่เป็นแบบ Value Chain มีการพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการลงทุน พร้อมทั้งต้องการให้บริษัทขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอี โดยเฉพาะในภาคเกษตรเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงมีการพัฒนานวัตกรรม และตอบโจทย์การพัฒนาท้องถิ่นและช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรในท้องที่ด้วย และให้มีการนำกลับมาเสนอคณะกรรมการบีโอไอในการประชุมครั้งถัดไป
ทั้งนี้ ไบโอฮับไม่ได้กำหนดพื้นที่ที่จะให้สิทธิ์พิเศษในการลงทุน เพราะมองว่า ในทุกพื้นที่ของไทย สามารถกำหนดเป็นไบโอฮับได้ทั้งหมด
เลขาบีโอไอ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดงาน "Thailand Investment Year" ในวันที่ 4 มี.ค.นี้ว่า ในขณะนี้มีนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ตอบรับเข้าร่วมงานกว่า 1,500 คน และมีผู้ตอบรับเข้าคลินิกการลงทุนแบบครบวงจร ที่จะให้คำปรึกษา แนะนำเกี่ยวกับการลงทุนทั้งหมด กว่า 500 คนเป็นการแสดงให้เห็นว่า งานได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและมีนักลงทุนต้องการที่จะลงทุนมากขึ้น