นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) ระบุปัญหาความผันผวนของเศรษฐกิจโลกจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่มีผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 51 แนะรัฐบาลใหม่ลดใช้นโยบายเศรษฐกิจที่บิดเบือนกลไกตลาดโลก เพราะจะส่งผลเสียหายต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้ถึงขั้นวิกฤตในระยะยาวได้
"มาตรการบิดเบือนตลาดเงิน ตลาดทุน และสินค้าทำได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ควรมากเกินไป เพราะนักลงทุนจะรู้ จนเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีเงินมหาศาลเก็งกำไรได้ง่าย โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่ปัจจุบันทำได้รวดเร็ว" นายอำพน กล่าว
ทั้งนี้ในปี 51 สภาพัฒน์ได้เสนอยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมลงทุนและภาคบริโภคเพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งต่างกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ภาคส่งออกเป็นแกนหลักในการผลักดัน ดังนั้นจึงเชื่อว่าโครงการลงทุนขนาดใหญ่จากภาครัฐและเอกชนจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการจ้างงานแก่ภาคประชาชนได้
ด้านนายตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่างเก็งกำไรค่าเงินบาทกันมาก เนื่องจากแนวโน้มของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวจึงหันมาซื้อเงินบาทเก็บไว้ล่วงหน้า ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ไม่ควรแทรกแซงเงินบาทในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจะเกิดความเสียหายต่อประเทศในอนาคต ส่วนการแทรกแซงควรดำเนินต่อไปเพียงแต่ต้องรอจังหวะที่เหมาะสมและให้อยู่ในระดับที่พอดี
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--