สภาพัฒน์ชี้หากรัฐบาลใหม่ใช้นโยบายบิดเบือนกลไกตลาดจะทำ ศก.พังระยะยาว

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 25, 2008 16:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) ระบุปัญหาความผันผวนของเศรษฐกิจโลกจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่มีผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 51 แนะรัฐบาลใหม่ลดใช้นโยบายเศรษฐกิจที่บิดเบือนกลไกตลาดโลก เพราะจะส่งผลเสียหายต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้ถึงขั้นวิกฤตในระยะยาวได้
"มาตรการบิดเบือนตลาดเงิน ตลาดทุน และสินค้าทำได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ควรมากเกินไป เพราะนักลงทุนจะรู้ จนเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีเงินมหาศาลเก็งกำไรได้ง่าย โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่ปัจจุบันทำได้รวดเร็ว" นายอำพน กล่าว
ทั้งนี้ในปี 51 สภาพัฒน์ได้เสนอยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมลงทุนและภาคบริโภคเพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งต่างกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ภาคส่งออกเป็นแกนหลักในการผลักดัน ดังนั้นจึงเชื่อว่าโครงการลงทุนขนาดใหญ่จากภาครัฐและเอกชนจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการจ้างงานแก่ภาคประชาชนได้
ด้านนายตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่างเก็งกำไรค่าเงินบาทกันมาก เนื่องจากแนวโน้มของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวจึงหันมาซื้อเงินบาทเก็บไว้ล่วงหน้า ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ไม่ควรแทรกแซงเงินบาทในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจะเกิดความเสียหายต่อประเทศในอนาคต ส่วนการแทรกแซงควรดำเนินต่อไปเพียงแต่ต้องรอจังหวะที่เหมาะสมและให้อยู่ในระดับที่พอดี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ