น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า สำนักงบประมาณเตรียมจะจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมอีกราว 3 หมื่นล้านบาท ให้แก่กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมภายในเดือนมี.ค.นี้ เพื่อนำไปใช้สำหรับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติม ซึ่งเมื่อใส่เงินเข้าไปในกองทุนแล้ว คาดว่าจะทำให้มีเงินเพียงพอใช้ถึงดูแลผู้ถือบัตรคนจนทั้ง 14.5 ล้านคน จนถึงสิ้นปีงบประมาณ 62 นี้
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า สาเหตุที่สำนักงบประมาณจะต้องจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้แก่กองทุนฯ ดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดทำโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมหลายโครงการ จนทำให้งบประมาณที่ได้รับจัดสรรจากงบประจำปีไม่เพียงพอ ทั้งโครงการให้เงินสวัสดิการช่วงปีใหม่คนละ 500 บาท การช่วยเหลือค่าเดินทางไปรักษาพยาบาลแก่ผู้สูงอายุคนละ 1,000 บาท การช่วยเหลือค่าเช่าบ้านแก่ผู้สูงอายุคนละ 400 บาท การช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟฟ้า รวมถึงการขยายโครงการบัตรสวัสดิการ ภายใต้ไทยนิยมยั่งยืนให้กับประชาชนอีก 3.1 ล้านราย และการขยายมาตรการพัฒนาคุณภาพแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ระยะสองอีก 6 เดือนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.นี้
น.ส.สุทธิรัตน์ กล่าวว่า การจัดสรรงบเพิ่มเติมดังกล่าวไม่ได้เป็นปัญหาต่อการใช้งบประมาณในปี 62 เนื่องจากได้มีการประเมินกันไว้ก่อนแล้ว อีกทั้งที่ผ่านมา ได้มีการจัดทำกฎหมาย พ.ร.บ.การจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ.2562 เพื่อรองรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม โดยผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปเมื่อปลายปี 61 และขณะนี้กฎหมายฉบับดังกล่าวก็มีผลบังคับใช้แล้ว จึงทำให้สำนักงบประมาณสามารถจัดสรรงบประมาณที่เหลือค้างจ่ายจากส่วนต่างๆ มาใส่ในกองทุนฯ ดังกล่าวแทนได้
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมีการตั้งกองทุนประชารัฐฯ ขึ้นรวมระยะเวลา 2 ปี กระทรวงการคลังได้ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท ในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 14.5 ล้านคน เพื่อให้มีรายได้และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งในจำนวนนี้ก็มีหลายล้านคนที่พ้นเส้นความยากจนได้แล้ว
อย่างไรก็ดี ในปีงบประมาณ 63 กรมบัญชีกลางได้เสนอขอจัดทำงบประมาณปี 63 วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในอนาคตอีกด้วย