ดีลอยท์เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจของอังกฤษกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุด นับตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อช่วง 15 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ อังกฤษยังมีความเสี่ยงที่จะเผชิญช่วงขาลงอย่างเต็มตัว
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานโดยอ้างบทความการทบทวนภาวะเศรษฐกิจของดีลอยท์ที่คาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)จะชะลอตัวลงอย่างหนักจากระดับ 3.2% ในปี 2550 มาอยู่ที่ 2% ในปีนี้ และจะทรุดตัวลงแตะ 1.7% ในปีหน้า ซึ่งภาวะเช่นนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2534-2535 โดยตัวเลข GDP ที่ระบุไว้ข้างต้นยังอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในรายงานร่างงบประมาณที่ 2.00-2.50% และ 2.50-3.00% ตามลำดับ
โดยภาวะขาลงทางเศรษฐกิจเป็นผลมาจากความผันผวนที่มีเพิ่มมากขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากระดับอัตราดอกเบี้ยที่ไม่เป็นไปตามคาดการณ์ประกอบกับเงื่อนไขเงินกู้ที่เข้มงวดมากขึ้นเพราะปัญหาสินเชื่อ นอกจากนี้ ดีลอยท์ยังคาดว่า ราคาที่อยู่อาศัยอาจร่วงลงอีก 5% ในปีนี้ และทรุดต่อเนื่องที่ 8% ในปีถัดไป
อย่างไรก็ตาม ดีลอยท์เปิดเผยว่า อังกฤษจะไม่รับเงินช่วยเหลือจากประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจชาติอื่นๆเพื่อช่วยบรรเทาภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยชี้ว่า สหรัฐเองก็กำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่การขยายตัวของกลุ่มประเทศในเขตทวีปยุโรปปีนี้ก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงเช่นกัน
นอกจากนี้ อังกฤษยังเผชิญแรงกดดันด้านภาวะเงินเฟ้อในอังกฤษ เนื่องจากราคาสินค้า น้ำมัน รวมถึงอาหารที่พุ่งสูงขึ้น และภาวะเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวอยู่เหนือระดับที่ธนาคารกลางอังกฤษตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 2.0% ในปีนี้อีกด้วย
ทั้งนี้ ดีลอยท์ระบุเสริมว่า ท้ายที่สุดแล้วภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจะสามารถช่วยลดแรงกดดันด้านภาวะเงินเฟ้อของอังกฤษได้ในช่วงครึ่งปีหลัง และจะทำให้ธนาคารกลางอังกฤษปรับลดดอกเบี้ยลงมาอย่างหนัก โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกษจะลงมาอยู่ที่ 4.5% ในปลายปีนี้ และอาจร่วงลงถึง 4.0% ในปีหน้า
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--