นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนช่วง 5 ปี (ปี 62-66) ที่กว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะนำมาใช้รองรับการพัฒนาโครงการเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการศึกษา และได้มองหาทำเลทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ บริษัทสนใจที่จะลงทุนโครงการขนาดใหญ่ในทำเลฝั่งตะวันออก ,ตอนเหนือ และตอนกลาง คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงเดือนต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาร่วมกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศที่อยู่ระหว่างเจรจารวม 10 ราย โดยจะเป็นการลงทุน 2 โครงการ ขนาดเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 100-150 ไร่/โครงการ
นอกจากนี้บริษัทยังมีความสนใจที่จะลงทุนในการเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในธุรกิจอื่น และขยายธุรกิจค้าปลีกที่จะช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักเพื่อเสริมศักยภาพของบริษัท เช่น การซื้ออาคารสำนักงาน โดยมีทำเลที่สนใจ คือ พหลโยธิน และการลงทุนคลังสินค้า เพื่อรุกธุรกิจการจัดส่งสินค้าและโลจิสติกส์ รวมไปถึงธุรกิจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ๆ ส่วนธุรกิจค้าปลีกบริษัทมีแผนที่จะขยายไลน์ธุรกิจค้าปลีกให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งการขยายธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบแฟรนไชส์ การร่วมทุนกับบริษัทค้าปลีกชั้นนำจากต่างประเทศเพื่อเปิดตัวแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์อีก 2 แบรนด์ จากปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกของบริษัทที่เปิดให้บริการแล้ว ได้แก่ สยามทาคาชิมายะ ร้าน@cosme store ร้าน ALAND และร้าน ICONCRAFT
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ของกลุ่มธุรกิจเติบโต 1-1.5 เท่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 62-66) จากปี 61 ที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2.55 หมื่นล้านบาท โดยยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนคอนเซ็ปต์ "One Siam" ที่เป็นการผนึกกันของ 3 ศูนย์การค้า ได้แก่ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เพื่อมอบประสบการณ์และเป็นการครองใจของลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ประกอบกับจะมีการปรับเปลี่ยนโฉม พร้อมปรับสินค้าและบริการของทั้ง 3 ศูนย์การค้าในปี 62 และ 63
ส่วนโครงการไอคอนสยามในกลางปี 62 จะเปิดให้บริการในส่วนของทรู ไอคอน ฮอลล์ ศูนย์ประชุมและจัดแสดงที่ทันสมัยและล้ำยุคแห่งแรกในกรุงเทพฯ พื้นที่ 12,000 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันมีการแสดงระดับโลกที่เตรียมเข้ามาทำการแสดงที่ทรู ไอคอน ฮอลล์ แล้ว และยังมีการเปิดให้บริการริเวอร์มิวเซียม แบงค็อก ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์มาตรฐานระดับสากลครั้งแรกในเมืองไทยในช่วงกลางปีนี้
ขณะเดียวกันในช่วงปลายปี 62 บริษัทจะเปิดให้บริการ Luxury Premium Outlets แห่งแรกในไทย ที่ร่วมทุนกับพันธมิตรระดับโลก คือ ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเข้ามาหนุนรายได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยที่ปัจจัยผลักดันรายได้รวมของบริษัทในปีนี้จะมาจากโครงการไอคอนสยาม ที่รับรู้รายได้เข้ามาได้อย่างเต็มปี จากปีก่อนที่โครงการไอคอนสยามรับรู้รายได้เข้ามาเพียง 2 เดือน ซึ่งในปีนี้คาดว่ารายได้ของโครงการไอคอนสยามจะเติบโตขึ้นราว 45% และหนุนให้รายได้รวมของบริษัทในปี 62 เติบโตได้ราว 12-15% จากปีก่อน
นอกจากนี้บริษัทได้ตั้งเป้าในการขยายธุรกิจภายใต้บริษัทลูกอีก 4-5 บริษัทใหญ่ เช่น การจัดตั้งบริษัท สยามอัลไลแอนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ต่อยอดความเชี่ยวชาญจากการบริหาร Royal Paragon Hall เพื่อรับบริหารจัดการศูนย์การประชุมและศูนย์แสดงนิทรรศการใหม่ ๆ ได้แก่ ทรู ไอคอน ฮอลล์ และลงทุนในการสร้างศูนย์ประชุมสำหรับการจัดงานต่าง ๆ รวมถึงการการจัดแสดงคอนเสิร์ตในทำเลใหม่ การเดินหน้าให้บริการกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดอย่างครบวงจรของบริษัท ซูพรีโม่ จำกัด ที่สร้างประสบการณ์ระดับโลกเหนือความคาดหมายมาแล้วมากมาย เช่น การจัดงาน Amazing Thailand Countdown ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับธุรกิจให้คำปรึกษาและบริการเกี่ยวกับการจัดการอาคารของบริษัท สยามโปรเฟสชั่นแนล แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งได้ให้บริการแก่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาแล้วหลายราย ซึ่งบริษัทในเครือเหล่านี้จะเดินหน้าให้บริการทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง
"เราเชื่อมั่นว่าด้วยวิสัยทัศน์และจุดยืนที่แตกต่างของการใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ล้ำสมัย (The Icon of creative & innovative lifestyle) ในการดำเนินธุรกิจของสยามพิวรรธน์ตลอด 60 ปี พร้อมกับกลยุทธ์ที่ได้วางไว้จะสามารถทำให้เรายืนหยัดและประสบความสำเร็จในวงการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ต่อไปอีกในทุกยุคทุกสมัย และช่วยนำพาธุรกิจ พันธมิตรทุกคนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งสู่การเป็น "ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์" (Creative Economy) และนำประเทศไทยสู่ความยิ่งใหญ่บนเวทีโลก"นางชฎาทิพ กล่าว