นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หน่วยงานไต่สวนของออสเตรเลียได้ประกาศผลการทบทวนการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping : AD) กับสินค้าสับปะรดกระป๋องของไทย ซึ่งได้เปิดทบทวนการใช้มาตรการ AD กับสินค้าสัปปะรดกระป๋องสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร (ขนาดมากกว่า 1 ลิตร) และสัปปะรดกระป๋องสำหรับผู้บริโภค (ขนาดไม่เกิน 1 ลิตร) ที่ผลิตและส่งออกจากไทยมาตั้งแต่ มิ.ย.61
โดยได้ประกาศยกเลิกการใช้มาตรการ AD กับสินค้าสับปะรดกระป๋องสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากสินค้าดังกล่าวของไทยไม่มีการทุ่มตลาดและไม่ได้สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในของออสเตรเลีย แต่ในส่วนของสินค้าสับปะรดกระป๋องสำหรับผู้บริโภค ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจากสินค้าของไทยในอัตราเพียง 2.6 - 16.8% จากเดิมที่ 7.9 - 28.6% ของราคา C.I.F.
"ที่ผ่านมา ไทยถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจากสินค้าสับปะรดกระป๋องมายาวนานถึง 17 ปี การประกาศผลการทบทวนในครั้งนี้ ถือเป็นผลดีต่อผู้ส่งออกสินค้าสับปะรดกระป๋องทั้ง 2 ประเภท ที่จะทำให้ผู้นำเข้าในออสเตรเลียสั่งสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นได้" นายอดุลย์กล่าว
พร้อมระบุว่า หากเปรียบเทียบกับคู่แข่งสำคัญของไทยอย่างประเทศฟิลิปปินส์ ไทยมีความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน เนื่องจากสินค้าสับปะรดกระป๋องสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหารจากฟิลิปปินส์ในปัจจุบันยังถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดที่ 18.7% ของราคา C.I.F. ในขณะที่ไทยไม่ถูกใช้มาตรการ ส่วนสับปะรดกระป๋องสำหรับผู้บริโภค ฟิลิปปินส์ยังถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด อยู่ที่ 5.9 – 22.9% ของราคา C.I.F ซึ่งสูงกว่าไทย
ปัจจุบันการส่งออกสับปะรดกระป๋องทั้ง 2 ประเภทของไทยไปยังออสเตรเลีย ในปี 2559 มีมูลค่า 477 ล้านบาท ส่วนปี 2560 มีมูลค่า 388 ล้านบาท และปี 2561 มีมูลค่า 275 ล้านบาท
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า เพื่อเป็นการรักษาส่วนแบ่งตลาดเดิมและขยายส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น ผู้ส่งออกไทยควรใช้โอกาสและข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งอย่างฟิลิปปินส์ เพื่อให้สามารถครองตลาดส่งออกสินค้าสับปะรดกระป๋องในออสเตรเลียต่อไป และพึงระวังการกำหนดราคาสินค้าสับปะรดกระป๋องทั้ง 2 ประเภท เนื่องจากหากส่งออกสินค้าข้างต้นด้วยราคาทุ่มตลาดก็อาจถูกต่างประเทศใช้มาตรการตอบโต้ได้อีก