นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาน้ำมันพืชบริโภค ได้มีมติให้ยกเลิกราคาเพดานจำหน่ายปลีกน้ำมันถั่วเหลือง จนกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง เนื่องจากปัจจุบันต้นทุนการผลิตน้ำมั่นถั่วเหลืองบรรจุขวด (1 ลิตร) ลดลง เป็นผลจากปริมาณผลผลิตถั่วเหลืองในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นมาก ประกอบกับเงินบาทแข็งค่า ทำให้ต้นทุนการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองลดลงมาก
ขณะที่ราคาขายปลีกน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดในประเทศยังคงขายตามราคาเพดานสูงสุดที่ขวด/ลิตรละ 55 บาท ไม่ลดราคาขายลงให้สอดคล้องกับต้นทุนที่ลดลง แม้จะไม่ผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้ขายเกินราคาเพดาน แต่ราคาจำหน่ายดังกล่าวถือว่าไม่เป็นธรรมกับประชาชน
"เท่าที่ตรวจสอบ ราคาจำหน่ายน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดมีตั้งแต่ขวดละ 39 บาท ไปจนถึง 55 บาท ซึ่งในส่วนที่ขาย 55 บาท ถือเป็นการขายในราคาเต็มเพดานสูงสุด ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ต้นทุนราคาเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าที่ลดราคาลงมา โดยราคาปัจจุบันไม่ควรขายเกินขวดละ 40 บาท" อธิบดีกรมการค้าภายในระบุ
อย่างไรก็ดี กรมฯ จะจัดทำโครงสร้างการคำนวณราคา ตั้งแต่ราคาเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้า และน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวด 1 ลิตร เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ราคาจำหน่ายที่ควรจะเป็นให้สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริง โดยจะพิจารณาทบทวนเป็นประจำทุกเดือน หรือทุกครั้งที่ต้นทุนเปลี่ยนแปลง ซึ่งราคาจำหน่ายน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวด 1 ลิตร จะผันแปรขึ้นลงตามราคาวัตถุดิบ ผลพลอยได้ ค่าใช้จ่าย และสถานการณ์ข้อเท็จจริงในแต่ละช่วงเวลา
"หากได้เกณฑ์ราคาจำหน่ายที่สอดคล้องกับต้นทุนปัจจุบันแล้ว หากรายใดจงใจขายน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดสูงเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดจนเกินระดับเหมาะสม สามารถใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เข้ามาจัดการ โดยจะมีโทษสูงสุดจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับต่อไป" นายวิชัยกล่าว