รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา ปี 2561/62 ในส่วนของเกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่และพืชผัก จำนวน 4.87 ล้านไร่ ตามพื้นที่ปลูกจริงในอัตราไร่ละ 600 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 พื้นที่ คือ พื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง จะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร ภายในวันที่ 31 พ.ค.62, พื้นที่นอกเหนือจากพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง และภาคใต้ จะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร ภายในวันที่ 30 มิ.ย.2 ส่วนพื้นที่ภาคใต้ จะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร ภายในวันที่ 15 ส.ค.
ทั้งนี้ กำหนดระยะเวลาดำเนินโครงการ ตั้งแต่เดือน มี.ค.-ก.ย.62 โดยใช้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่กระทรวงการคลัง และอนุมัติให้กันเงินเบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือน มี.ค.62 ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน 2,922 ล้านบาท
สำหรับการสนับสนุนปัจจัยการผลิตไร่ละ 600 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ เป็นการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลางในลักษณะ งบดำเนินงานที่จะต้องได้รับความเห็นชอบความเหมาะสมของอัตราค่าใช้จ่ายจากกระทรวงการคลังก่อนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. 2559 และให้ขอทำความตกลงกับ สงป. ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2560 ต่อไป
ส่วนค่าใช้จ่ายในส่วนของธนาคารการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและค่าธรรมเนียมโอนเงินในกรอบวงเงิน 2.2729 ล้านบาท ให้ ธ.ก.ส.เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไปตามผลการจ่ายเงินที่เกิดขึ้นจริง
ขณะที่ค่าใช้จ่ายบริหารโครงการ ได้แก่ ค่าประชาสัมพันธ์ ค่าใช้จ่ายในการยืนยันสิทธิ์และออกใบรับรอง และค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ/รับรองพื้นที่ให้ผลผลิต เป็นต้น ในกรอบวงเงิน 8.1546 ล้านบาท ให้กรมส่งเสริมการเกษตรปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จากผลผลิต/โครงการ/กิจกรรม หรือรายการ ที่คาดว่ามีงบประมาณเหลือจ่ายหรือจากรายการที่มีผลการดำเนินการล่าช้ากว่าแผน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบริหารโครงการต่อไป