นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา เห็นชอบกำหนดด่านนำเข้ามันสำปะหลังตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) เพื่อป้องกันการระบาดของโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลัง ซึ่งกำลังระบาดเป็นวงกว้างในพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังของประเทศเพื่อนบ้าน
โดยผู้ประกอบการที่นำเข้ามันสำปะหลังตามแนวชายแดน จะต้องนำเข้าผ่านด่านที่กำหนด เช่น จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดินและจุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา จังหวัดสระแก้ว, จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี, จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์, จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี และจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำเหือง จังหวัดเลย เป็นต้น
"กรมฯ ขอให้ผู้นำเข้ามันสำปะหลังตามแนวชายแดนเตรียมความพร้อม ก่อนที่มาตรการกำหนดด่านนำเข้าจะมีผลบังคับใช้ภายในมีนาคม 2562" อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศระบุ
ทั้งนี้ การกำหนดด่านนำเข้ามันสำปะหลังดังกล่าว เป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องสุขอนามัยพืช (Plant life or health) ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ ด่านนำเข้า ควบคุมตรวจสอบมันสำปะหลังที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านได้เข้มงวดขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลังในประเทศไทย ป้องกันไม่ให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังไทยกว่า 5 แสนครัวเรือน ตลอดจนอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยที่มีมูลค่าส่งออกต่อปีกว่า 1 แสนล้านบาทได้รับผลกระทบ
"ไทยไม่ได้ปิดกั้นการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยยังคงต้องการนำเข้าอยู่ เพียงแต่ผู้นำเข้าจะต้องนำเข้าผ่านด่านที่กำหนด เพราะไทยจำเป็นต้องป้องกันไว้ดีกว่าแก้ หากประเทศเพื่อนบ้านสามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลังได้ ก็จะพิจารณาเสนอให้ผ่อนคลายมาตรการกำหนดด่านนำเข้ามันสำปะหลังต่อไป" นายอดุลย์ระบุ
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้เข้าพบเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชา และ สปป.ลาว ประจำประเทศไทย เพื่อชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการกำหนดด่านนำเข้า ซึ่งเอกอัครราชทูตของทั้ง 2 ประเทศมีความเข้าใจและยินดีให้ความร่วมมือ ตลอดจนพร้อมที่จะช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมความพร้อม
สำหรับโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลัง มีต้นกำเนิดมาจากประเทศในแถบแอฟริกา สามารถแพร่ระบาดได้โดยท่อนพันธุ์ เหง้า และแมลงหวี่ขาวยาสูบ โดยต้นมันสำปะหลังที่ติดเชื้อจะทำให้ผลผลิตต่อไร่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายต่อผลผลิตมันสำปะหลังในแถบแอฟริกามากถึง 80-100% เพราะมันสำปะหลังที่เป็นโรคดังกล่าวจะไม่เจริญเติบโต ที่สำคัญโรคนี้ไม่มียาหรือสารเคมีชนิดใดที่จะป้องกันกำจัดได้ จนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลากว่า 10 ปี แล้ว ประเทศในแถบแอฟริกายังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้
อนึ่ง ในปี 2561 ไทยนำเข้ามันสำปะหลัง ปริมาณ 2.12 ล้านตัน มูลค่า 8,700 ล้านบาท ลดลงจากปี 2560 ที่นำเข้าปริมาณ 2.89 ล้านตัน มูลค่า 12,300 ล้านบาท คิดเป็น 27% และ 29% ตามลำดับ แหล่งนำเข้าที่สำคัญ คือ กัมพูชา 75% และลาว 25%