นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ว่า มาติดตามความคืบหน้าโครงการบ้านล้านหลังของ ธอส. ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยทาง ธอส.ยืนยันว่าจะสามารถเร่งรัดให้สินเชื่อกับผู้ที่ยื่นจองสิทธิ์กว่า 1.27 แสนราย ได้หมดภายใน 4 เดือนนี้ หลังจากนั้นจะเริ่มเปิดให้ยื่นคำขอโครงการสินเชื่อบ้านล้านหลัง เฟส 2 ภายในเดือน ก.ย.62
พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ช่วยดูแลผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่สามารถขอสินเชื่อได้ในรอบแรก เพื่อให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้หมด โดยขอให้ ธอส.ไปศึกษาวิธีการมาเสนอ
"ตอนนี้ ติดปัญหากลุ่มรายได้ไม่ถึง 15,000 บาท/เดือน กู้ไม่ผ่าน ก็ขอให้ ธอส.ไปศึกษาว่าจะทำอย่างไร เพราะสินเชื่อบ้าน ธนาคารมีบ้านเป็นหลักทรัพย์ ทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุน ดังนั้น ลูกค้าแต่ละคนก็ไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขการได้สินเชื่อที่เหมือนกัน อาจจะลดค่างวดน้อยลง แต่ผ่อนนานขึ้น ก็จะช่วยเปิดโอกาสได้ ไม่อย่างนั้น คนกลุ่มนี้จะไม่มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อเลย" รองนายกรัฐมนตรีระบุ
ขณะเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรี ยังขอให้ ธอส.ไปพิจารณาหลักเกณฑ์โครงการ "สินเชื่อบ้านบีโอไอ" โดยให้ ธอส.ไปออกแบบว่าเงื่อนไขบ้านต้องเป็นอย่างไรถึงจะได้รับสิทธิส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้รวมทั้งให้ ธอส. คุมแบบก่อสร้างบ้านเอง ไม่จำเป็นต้องให้เอกชนออกแบบ และให้ไปดูว่าภายใต้บ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทควรมีทุนเท่าไร รวมทั้งนโยบายดูแลกลุ่มลูกค้าพิเศษที่ดูแลบุพการีให้ได้สิทธิพิเศษ และแนวทางการจัดตั้งกองทุนสร้างบ้าน เพื่อเป็นหน่วยลงทุนอินฟราฟันด์ ระดมทุนหาเงินมาสร้างสิ่งปลูกสร้างเพื่อผู้มีรายได้น้อย โดยผู้ซื้อหน่วยลงทุนจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทน
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า โครงการบ้านล้านหลังเฟสแรก ล่าสุด ธอส.ได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 3,580 ราย รวมวงเงินสินเชื่อ 2,200 ล้านบาท จากผู้ที่ยื่นกู้ 4,100 ราย วงเงินกู้ 2,560 ล้านบาท จากจำนวนผู้ที่ยื่นจองสิทธิ์ 1.27 แสนรายให้เสร็จสิ้นภายใน 4 เดือน
ส่วนโครงการบ้านล้านหลังเฟสที่ 2 จะเริ่มในเดือน ก.ย.62 วงเงิน 1 แสนล้านบาท รวม 80,000 ยูนิต โดยจะให้สิทธิ์ผู้ที่เลี้ยงดูบุพการียื่นจองสิทธิขอสินเชื่อก่อน และจะจูงใจโดยการให้โบนัส หรือลดเงินต้นให้อัตโนมัติหากผ่อนครบ 3 ปี คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะไม่เกิน 3% เนื่องจาก ธอส.เตรียมออกสลากออมทรัพย์วงเงิน 1 แสนล้านบาท ซึ่งเฉพาะในปีนี้จะออกสลากวงเงิน 5 หมื่นล้านบาทก่อน ทำให้ชดเชยภาระดอกเบี้ยลงได้บางส่วน และไม่จำเป็นต้องขอชดเชยจากรัฐเหมือนบ้านล้านหลังเฟสแรก
โดย ธอส.จะหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอปรับหลักเกณฑ์เงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อบ้านล้านหลัง เฟส 2 ตามนโยบายของนายสมคิด เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น โดยจะเสนอขยายเวลาผ่อนชำระจากสูงสุด 40 ปีเป็น 50 ปี ซึ่งจะทำให้วงเงินกู้ 1 ล้านบาท ต้องผ่อนเงินงวดประมาณ 3,000 บาทต่อเดือน ลดจาก 3,800 บาทต่อเดือน จากข้อเสนอเดิมของ ธอส. ที่ต้องการให้รัฐบาลชดเชยภาระค่าใช้จ่ายในการลดเงินงวดให้ลูกค้าบ้านล้านหลังเดือนละ 1,000 บาท เหลือค่างวด 2,400 ต่อเดือนเป็นเวลา 6 ปี