นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เนื่องจากเวียดนามประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรค ASF ทำให้บางพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนเนื้อหมูบริโภค และต้องนำเข้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น จึงถือเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการไทยในการส่งออกเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ไปยังเวียดนาม เนื่องจากหมูไทยยังไม่ได้รับผลกระทบจากโรคดังกล่าว และมีกระบวนการผลิตที่ได้คุณภาพมาตรฐานและปลอดสารเร่งเนื้อแดงซึ่งเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศ
นอกจากนี้ หมูไทยยังมีโอกาสที่จะส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ที่เป็นตลาดส่งออกหลักของเวียดนามและจีน เพราะจำเป็นต้องหาแหล่งนำเข้าใหม่เพื่อทดแทนการนำเข้าจากทั้ง 2 ประเทศนี้ คาดว่าต้องใช้ระยะเวลานานในการแก้ไขปัญหาโรคระบาดดังกล่าวกว่าจะสามารถส่งออกได้ตามปกติ
ปัจจุบันคนเวียดนามนิยมบริโภคเนื้อหมูมากถึง 3 ใน 4 ของการบริโภคเนื้อสัตว์ทั้งประเทศ โดยปริมาณหมูที่เลี้ยงในฟาร์มมีมากกว่า 30 ล้านตัว และส่วนใหญ่ถูกนำมาบริโภคภายในประเทศ นอกจากนั้นเวียดนามยังมีการส่งออกเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา ซึ่งเป็นตลาดส่งออก หลักเดียวกับไทย เวียดนามจึงถือเป็นหนึ่งในประเทศคู่แข่งที่สำคัญของไทย
ทั้งนี้ เวียดนามออกมายืนยันอย่างเป็นทางการหลังพบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF) ที่ฟาร์มเลี้ยงหมู 3 แห่งใน จังหวัดฮึงเอียน จังหวัดท้ายบิ่ง และนครหายฟ่อง ซึ่งการแพร่ระบาดของโรค ASF เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดทั่วประเทศจีนตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 61 ที่กระทบต่อ 25 มณฑลและเขตต่างๆ ของประเทศ ทำให้ต้องฆ่าหมูเกือบ 1 ล้านตัว เพื่อป้องกันและหยุดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ซึ่งหลังจากโรคดังกล่าวแพร่ระบาดมายังเวียดนามจึงส่งผลให้ต้องฆ่าหมูทุกตัวที่อยู่ในเขตจังหวัดที่พบโรค ASF
อย่างไรก็ตาม แม้โรค ASF ยังไม่ระบาดมาถึงไทยแต่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทยได้ร่วมมือกันในการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ASF ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยเพิ่มมาตรการการป้องกันและการตรวจสอบการนำเข้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ให้เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะด่านชายแดนทางภาคเหนือที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษจากกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูและกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อหมูไทยได้
สำหรับสถิติการส่งออกหมูมีชีวิต เนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ ในช่วงดือนมกราคม-ธันวาคม 2561 พบว่ามีส่งออกหมูมีชีวิต 815,385 ตัว มูลค่า 3,184.90 ล้านบาท ส่งออกไปกัมพูชาเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 74% รองลงมา ได้แก่ ลาว 17% และเมียนมา 9% ของมูลค่าการส่งออก มีการส่งออกเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์รวมทั้งสิ้น 15,471.6 ตัน มูลค่า 2,325.7 ล้านบาท แบ่งเป็น (1) เนื้อหมูแช่เย็นแช่แข็ง 2,388 ตัน มูลค่า 178.10 ล้านบาท โดยส่งออกไปฮ่องกงเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 49% รองลงมา ได้แก่ ลาว 18% เมียนมา 17% และมาเลเซีย 13% ของมูลค่าการส่งออก (2) เนื้อหมูแปรรูป 7,333.9 ตัน มูลค่า 1,847.4 ล้านบาท โดยส่งออกไปญี่ปุ่นเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 89% รองลงมา ได้แก่ ฮ่องกง 7% และเมียนมา 2% ของมูลค่าการส่งออก และ (3) เครื่องในหมู 5,749.7 ตัน มูลค่า 300.2 ล้านบาท โดยส่งออกไปลาวเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 96% และรองลงมา ได้แก่ เมียนมา 3.17% ของมูลค่าการส่งออก