กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-31.80 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.68 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.75% ด้วยเสียงเอกฉันท์
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น และพันธบัตรไทยมูลค่า 300 ล้านบาท และ 2.6 พันล้านบาท ตามลำดับ ด้านดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับเยนแต่แข็งค่าเทียบกับยูโร ขณะที่นักลงทุนกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย และส่งสัญญาณว่าจะไม่ปรับดอกเบี้ยตลอดปีนี้
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ผลการเลือกตั้งของไทยโดยรวมถือว่าไม่เหนือความคาดหมายของตลาดมากนัก และน่าจะเป็นบวกต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย ท่ามกลางภาพทางการเมืองที่ชัดเจนมากขึ้น โดยตลาดจะติดตามการจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายด้านเศรษฐกิจในระยะถัดไป
ส่วน กนง.ซึ่งมีมติ 7-0 ให้คงดอกเบี้ยนโยบายนั้น กนง.มองนโยบายการเงินยังเหมาะสม แต่ได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพี ปี 2562 เหลือเติบโต 3.8% จากเดิมคาดไว้ที่ 4.0% และปรับลดประมาณการส่งออกปีนี้เป็นขยายตัว 3.0% จากเดิม 3.8% ขณะที่คงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ไว้ที่ 1.0% ส่วนปี 2563 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 3.9% ส่งออกเติบโต 4.1% และเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1.1%
"อนึ่ง มติที่เป็นเอกฉันท์ ทำให้เราปรับมุมมองว่า กนง.จะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% ตลอดปีนี้ และหันไปดูแลความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินด้วยเครื่องมือที่หลากหลายมากขึ้น"
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะจับตาประเด็น Brexit และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนต่อไป โดยตลาดยังวิตกต่อทิศทางเศรษฐกิจโลก และเส้นอัตราผลตอบแทนลักษณะ Inverted ของพันธบัตรสหรัฐฯ หลังอัตราผลตอบแทนประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 14 เดือน
ทั้งนี้ เฟดประกาศแผนยุติการปรับลดขนาดงบดุล โดยระบุว่าภายในเดือนกันยายนนี้ จะหยุดโครงการที่ปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ในงบดุลของเฟดมีขนาดลดลงราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน