นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทช่วงเย็นอยู่ที่ระดับ 31.83/84 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.91/93 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทช่วงบ่ายปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากในช่วงเช้า โดยเริ่มย่อตัวกลับมาจากอ่อนค่าตั้งแต่ช่วงบ่าย ซึ่งอาจเป็นผลจากที่นักลงทุน ขายดอลลาร์เพื่อทำกำไร อย่างไรก็ดี ช่วงนี้ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล หลัง จากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ครบทั่วประเทศครบ 100% อย่างไม่เป็นทางการ
"ตอนเช้าบาทวิ่งไปค่อนข้างสูง หลักๆ น่าจะเป็นผลจากปัจจัยการเมืองในประเทศ แต่พอช่วงเย็นๆ ก็ย่อลงมา คาดว่า นักลงทุนคงจะมีการ take profit" นักบริหารเงินระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.70-31.95 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 31.8658 บาท/ดอลลาร์
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.27/29 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 110.15/18 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1251/1255 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1244 ดอลลาร์/ยูโร
- คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยผลการนับคะแนนเลือกตั้งทั่วประเทศ อันดับ 1 พรรคพลังประชารัฐ
8,433,137 คะแนน อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย 7,920,630 คะแนน อันดับ 3 พรรคอนาคตใหม่ 6,265,950 คะแนน อันดับ 4
พรรคประชาธิปัตย์ 3,947,726 คะแนน อันดับ 5 พรรคภูมิใจไทย 3,732,883 คะแนน จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิทั้งสิ้น 38.26 ล้าน
คน คิดเป็น 74.69% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 51.23 ล้านคน
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ 3.8-3.9% หากไม่มีความวุ่นวายทางการ
เมือง หรือการออกมาชุมนุมประท้วง ส่วนการส่งออกคาดโตได้ 3% รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนมีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่อง พร้อมมองว่า
ต้องจับตาดูปัจจัยภายนอกประเทศ ทั้งในเรื่องของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงรอดูความชัดเจนการเรียกเก็บภาษี
ยานยนต์และชิ้นส่วนจากผู้นำเข้าทั่วโลกของสหรัฐฯ ภายในเดือน พ.ค.นี้ หากเกิดขึ้นจริงก็จะส่งกระทบกับไทยได้
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ใน 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61 - ก.
พ.62) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 986,000 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 75,568 ล้านบาท หรือ 8.3% และ
สูงกว่าคาดการณ์ 22,476 ล้านบาท หรือ 2.3% โดยการจัดเก็บรายได้ทุกหน่วยงานเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ยกเว้นการจัดเก็บ
รายได้ของกรมศุลกากร และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่ต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย
- ตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น (Japan Exchange Group Inc) และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โตเกียว (Tokyo Commodity
Exchange) ประกาศในวันนี้ว่า ทั้ง 2 ตลาดได้ตกลงที่จะควบรวมกิจการกันในเดือนต.ค. เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่ง
ในต่างประเทศ ซึ่งการควบรวมกิจการในครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะสร้างตลาดแบบ all-in-one แห่งแรกของญี่ปุ่น ซึ่งจะสามารถให้
บริการทั้งในด้านการซื้อขายหุ้นและสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า ซึ่งรวมถึงโลหะ และธัญพืช
- นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน พร้อมคณะ จะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ในสัปดาห์แรกของ
เดือนเม.ย.นี้ เพื่อหารือกับคณะเจรจาการค้าของสหรัฐ โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว
ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าภายในสิ้นเดือนเม.ย.
- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
รายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending
home sales) เดือนก.พ., รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--