นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมเปิดตัวการใช้น้ำมันดีเซล B20 สำหรับรถกระบะทั่วไปเพิ่มเติม หลังจากปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการร่วมกันกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ประกอบค่ายรถยนต์ โดยคาดว่าจะประกาศรายละเอียดได้ภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่ยืนยันไม่มีนโยบายสนับสนุนสำหรับการใช้ B10 เพราะเห็นว่าการใช้ B20 จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า
"การใช้ B20 สำหรับรถกระบะทั่วไปที่มีความพร้อมนั้น เรากำลังทำรายละเอียดกันอยู่ ตอนนี้ B10 เราก้าวข้ามไปแล้ว ที่ปตท.ทดสอบเราก็มาใช้กับรถไฟแล้วเราใช้ได้เราก็เห็นความจำเป็นเราก็กระโดดไป B20 อินโดนีเซียก็ยังใช้ B20 ได้ ตอนนี้กับค่ายรถยนต์เราก็ work กันอยู่ คาดว่าจะประกาศได้ใน 2 สัปดาห์"นายศิริ กล่าว
เมื่อวันที่ 1 ก.พ.62 กรมธุรกิจพลังงาน ออกประกาศกำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล เพื่อส่งเสริมให้มีการน้ำมัน B20 ในยานยนต์ปัจจุบัน รองรับการเปิดจำหน่ายน้ำมัน B20 ในสถานีบริการน้ำมันทั่วไป โดยได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตรถยนต์ทั้ง HINO, ISUZU, SCANIA, VOLVO ส่วนมากเป็นรถยนต์ที่มีมาตรฐานมลพิษ Euro II ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลสนับสนุนให้มีการจำหน่ายราคาต่ำกว่าน้ำมันดีเซลปกติทั่วไป 5 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นมาตรการสนับสนุนพิเศษที่จะสิ้นสุดในเดือนพ.ค.62 หลังจากนั้นราคา B20 จะต่ำกว่าราคาดีเซลปกติในอัตรา 3 บาท/ลิตร
รมว.พลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีการใช้น้ำมันดีเซลราว 65 ล้านลิตร/วัน โดยในส่วนนี้กระทรวงวางเป้าหมายจะมีการใช้ B20 ราว 15 ล้านลิตร/วัน ภายในกลางปี 62 จากปัจจุบันมีการใช้ B20 อยู่ 1 ล้านลิตร/วัน และคาดจะเพิ่มเป็น 3 ล้านลิตร/วัน ในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ การใช้ B20 จะเป็นส่วนหนึ่งช่วยดูดซับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ได้เพิ่มขึ้น ตามผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้คาดว่าการบริโภคน้ำมันปาล์มดิบรวมอยู่ที่ 3 ล้านตัน เพิ่มจาก 2.5 ล้านตันในปีที่แล้ว โดยกระทรวงวางเป้าหมายจะใช้น้ำมันปาล์มดิบในภาคพลังงาน 2 ล้านตัน ส่วนที่เหลืออีก 1 ล้านตันใช้ในเรื่องการบริโภค ขณะที่ปัจจุบันสต็อกน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ราว 4 แสนตัน ลดลงจากเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วที่มีสต็อกสูงถึง 5 แสนตัน
โดยในปีนี้ภาคพลังงานมีการใช้น้ำมันปาล์มดิบสำหรับการผลิตไบโอดีเซล (B100) เพื่อมาผสมเป็น B20 และยังนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยดูดซับปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบได้เพิ่มขึ้น ส่วนการที่จะสนับสนุนให้บมจ.ปตท.(PTT) นำน้ำมันปาล์มดิบมาผลิต B100 เพื่อส่งออกนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะช่วยสนับสนุนที่อัตราเท่าใด หลังจากก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการช่วยอุดหนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบที่อัตรา 1.75 บาท/กิโลกรัม แต่ไม่มีผู้เข้าร่วมโครงการเพราะยังเป็นอัตราที่ไม่ดึงดูดใจมากนัก
นอกจากนี้กระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เตรียมความพร้อมในการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(พ.ร.บ. กฟผ.) เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่พิจารณาเนื่องจากรัฐบาลชุดปัจจุบันไม่สามารถดำเนินการได้ทัน เพราะสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)จะสิ้นสุดวาระการทำงานลงหลังเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวเพื่อปลดล็อกให้กฟผ.สามารถดำเนินการธุรกิจจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะจะสามารถขาย LNG ที่จะจัดหาเข้ามา 1.5 ล้านตัน/ปีออกขายสู่ตลาดได้หากเหลือจากการใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าของกฟผ.
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน คาดว่า นโยบายส่งเสริม B20 มีเป้าหมายจะขยายไปยังกลุ่มรถกระบะ น่าจะออกประกาศได้ในช่วงต้นเดือนเม.ย.นี้ และจะทราบผลการหารือกับผู้จำหน่ายรถยนต์ได้ภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งปัจจุบันมีสถานีที่จำหน่ายน้ำมัน B20 จำนวน 116 สถานี และฟลีทที่ใช้ 173 แห่ง ในอนาคตกระทรวงพลังงานจะมีการผลักดันให้ใช้ B20 ปริมาณ 15 ล้านลิตรต่อวัน และ B7 ที่50 ล้านลิตรต่อวัน จะสามารถดูดซับ CPOได้ 2 ล้านตันต่อปี
นางราณี โฆษิตวานิช ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารเชื้อเพลิง กฟผ. คาดว่าจะสามารถรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ ตามมติ กนป. เมื่อวันที่ 13 มี.ค.62 ได้ครบตามเป้า 1.6 แสนตัน ภายในวันที่ 20 เม.ย.นี้ และกฟผ. จะใช้น้ำมันปาล์มทั้งหมดในการผลิตไฟฟ้าได้ภายในปลายเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้
ปัจจุบัน กฟผ.เพิ่มปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันปาล์มจากวันละ 1 พันตัน เป็นวันละ 1.5 พันตัน ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มเพิ่มสูงขึ้น และสามารถลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มในระบบได้เร็วขึ้น ซึ่งปัจจุบันใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงไปแล้วกว่า 5 หมื่นตัน
นายกำพล แจ้งสุทธิวรวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารความร่วมมือกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย PTT เปิดเผยว่า ปตท. รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 1 แสนตัน มาเก็บสต็อกไว้เพื่อนำมาผลิตเป็น B100 ส่งออก โดยให้หารือแนวทางการดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องแนวทางการชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในกระบวนการดังกล่าว ซึ่งจะมีการรายงานแนวทางการดำเนินการต่อกระทรวงพลังงานและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
ที่ผ่านมา บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) ได้ทดลองส่งออก B100 ล็อตแรกแล้ว 100 ตัน พบว่า ราคายังไม่สามารถแข่งขันกับมาเลเซียและอินโดนีเซียได้ โดยได้เตรียมส่งออกล็อตที่ 2 จำนวน 2.5 พันตันเร็วๆ นี้ ดังนั้นทาง GGC จะหารือกับกระทรวงพาณิชย์ด้านเงินชดเชยต่อไป โดย ปตท. จะส่งแผนส่งออก B100 มายังกระทรวงพลังงานภายในสัปดาห์หน้า