นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า บริษัทจำเป็นต้องพิจารณาปรับราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้นลิตรละ 30 สตางค์ ยกเว้นน้ำมันเบนซิน 91 ปรับขึ้นลิตรละ 50 สตางค์ เนื่องจากรัฐเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นลิตรละ 20 สตางค์ ส่วนน้ำมันดีเซลและไบโอดีเซลปรับขึ้นลิตรละ 20 และ 40 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น.วันที่ 30 ม.ค.เป็นต้นไป
"ล่าสุดจากข่าวที่กลุ่มโอเปคจะคงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจึงส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและสำเร็จรูปผันผวนและดีดตัวกลับมาอยู่ในขาขึ้นอีกครั้งโดยสูงขึ้นกว่า 3-6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล" นายชัยวัฒน์ กล่าว
โดยน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 85.82 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล(เพิ่มขึ้น 4.07 เหรียญฯ) น้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 99.92 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล(เพิ่มขึ้น 6 เหรียญฯ) และน้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 102.67 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล(เพิ่มขึ้น 3.15 เหรียญฯ)
ทั้งนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ เบนซิน อี 20 อยู่ที่ลิตรละ 26.79 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 28.79 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 27.99 บาท, เบนซิน 95 อยู่ที่ลิตรละ 32.79 บาท, เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 31.69 บาท ไบโอดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 28.34 บาท และดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 29.14 บาท
สำหรับราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(ก๊าซแอลพีจีหรือก๊าซหุงต้ม) นั้นจะปรับขึ้นกิโลกรัมละ 20 สตางค์ ตามราคาหน้าโรงกลั่นโดยสะท้อนตามสูตรราคาฯ ที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กำหนด โดยราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขนาด 15 และ 48 กิโลกรัม (หน้าร้านค้าปลีก) ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (30 ม.ค.51) เป็นต้นไป จะเป็นราคา 273.15 บาท(เพิ่มขึ้น 3 บาท/ถังขนาด 15 กก.) และ 874.08 บาท (เพิ่มขึ้น 9.60 บาท/ถังขนาด 48 กก.) ตามลำดับ
แนวโน้มราคาน้ำมันนั้นยังคงมีความผันผวนและแกว่งตัวตามปัจจัยทางความรู้สึกและปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ การที่มีการเสนอมาตรการโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในการคว่ำบาตรประเทศอิหร่าน และสถานการณ์พลังงานในประเทศจีนที่มีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เย็นจัดในรอบสิบปีนั้น ล้วนมีผลต่อความผันผวนของราคาน้ำมันทั้งสิ้น
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--