นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ภาพรวมของสินเชื่อในช่วงต้นปีที่ผ่านมายังมีการชะลอตัวอยู่บ้าง หรือปล่อยสินเชื่อได้ค่อนข้างช้า ซึ่งเป็นภาวะปกติของช่วงต้นปีที่การเร่งตัวของสินเชื่อจะไม่มากเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังที่มีการเร่งตัวมากขึ้น โดยที่ในปีนี้มีปัจจัยที่ส่งผลต่อความไม่แน่นอนและความผันผวนต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ส่งผลกระทบมาถึงประเทศต่างๆ และผู้ประกอบการด้วย ความไม่แน่นอนของกรณีที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร ทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดการชะลอตัวขึ้น และส่งผลมาถึงการลงทุนและความต้องการใช้สินเชื่อที่ในช่วงต้นปี ผู้ประกอบการขอดูข้อมูลต่างๆ เพื่อนำมาพิจารณาถึงการดำเนินธุรกิจต่อไป
ส่วนปัจจัยในประเทศหลังการเลือกตั้ง มองว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาคงต้องรีบมาทำงาน และเร่งอนุมัติโครงการต่าง ๆ ให้ออกมาตามแผนที่วางไว้ในปีงบประมาณ เพื่อทำให้การลงทุนในประเทศมีความต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งธนาคารฯ หวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเร่งการเบิกจ่ายได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม ซึ่งจะต้องรอการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 9 พ.ค. 62 แต่รัฐบาลปัจจุบันที่มีอำนาจเต็ม ก็ยังสามารถขับเคลื่อนนโยบายได้ต่อ
สำหรับผลกระทบของมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้าน จากการเริ่มใช้เกณฑ์สัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น ยังคงต้องติดตามผลกระทบในช่วง 9 เดือนที่เหลือของปีนี้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ไนช่วง 3 เดือนก่อนเริ่มใช้เกณฑ์ใหม่ มีลูกค้าเข้ามาขอสินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งจะสามารถช่วยชดเชยผลกระทบหลังจากเกณฑ์ใหม่เริ่มบังคับใช้ได้ส่วนหนึ่ง แต่การพิจารณาสินเชื่อของธนาคารยังคงเป็นไปตามเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ซึ่งลูกค้า 1 รายจะต้องมีภาระหนี้ไม่เกิน 40% ของรายได้ ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่สมาคมธนาคารไทยตั้งไว้เป็นเกณฑ์ที่ให้ทุกธนาคารสามารถนำไปปรับใช้ตามความเหมาะสม เพราะสัดส่วนภาระหนี้ดังกล่าว ถือว่าเป็นระดับที่ลูกค้าสามารถมีความสามารถในการผ่อนชำระได้ และธนาคารมีความเสี่ยงของหนี้เสียน้อย
ส่วนการพิจารณาปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคาร จะยังคงพิจารณาตามเกณฑ์ และไม่ได้เข้าไปแข่งขันกับผู้ประกอบการเจ้าอื่นในตลาดมากนัก จากที่ปัจจุบันการแข่งขันในสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ค่อนข้างแข่งขันกันมาก ผู้ประกอบการบางรายให้ลูกค้าวางเงินดาวน์ในระดับต่ำและสามารถออกรถได้เลย ซึ่งเป็นการประเมินความเสี่ยงของผู้ประกอบการแต่ละราย แต่ในส่วนของธนาคารยังคงเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีเงินดาวน์ค่อนข้างมาก เพื่อป้องกันความเสี่ยงของหนี้เสีย และรักษาระดับ NPL ของธนาคารในภาพรวมให้เหมาะสม อย่างไรก็ดี หาก ธปท.เข้ามาควบคุมสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เพิ่มเติม ในส่วนของธนาคารเองคาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการขยายตัวของสินเชื่อมากนัก
ทั้งนี้ คาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อในปีนี้ จะยังเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้โต 5-7% โดยในปีนี้ กลยุทธ์ของธนาคารกสิกรไทยจะเน้นขยายพอร์ตกลุ่มสินเชื่อรายย่อยมากขึ้น ซึ่งจะต้องรุกตลาดในกลุ่มที่ธนาคารมองว่าเป็นโอกาสที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับธนาคารและมีความเสี่ยงที่ธนาคารควบคุมได้