ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ระบุว่า ขณะนี้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ยังมีแนวโน้มจะอยู่ในช่วงขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของ ธปท.ที่ 1-4% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังปรับลดลงต่อเนื่อง สะท้อนว่ากำลังซื้อจากในประเทศยังไม่ฟื้นตัวมากพอที่จะกดดันให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นได้ โดยค่าจ้างแรงงานที่ทยอยปรับดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยสนับสนุนการบริโภคได้บ้างในระยะต่อไป ทำให้ประเมินว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% เพื่อรักษาภาวะการเงินที่ผ่อนคลายและสนับสนุนการใช้จ่ายในประเทศ
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าเงินเฟ้อในปี 2562 จะอยู่ในระดับต่ำที่ 1.2% โดยประเมินว่าแรงกดดันจากอุปสงค์ในประเทศจะค่อยๆ ดีขึ้น อาทิ จากแนวโน้มการลงทุนที่ดีขึ้น ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มดี ขณะที่ประเมินแนวโน้มเงินบาทและราคาน้ำมันในตลาดโลกผันผวนสูง
วันนี้ กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อไทยเดือน มี.ค.62 ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 1.24%YoY จาก 0.73%YoY ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 6 เดือน และสูงกว่าตลาดคาดไว้ที่ 0.93%YoY โดยแรงกดดันเงินเฟ้อมาจากราคาพลังงานและอาหารที่สูงขึ้นเป็นหลัก โดยเฉพาะตามราคาน้ามันดิบในตลาดโลกที่สูงขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมพลังงานและอาหารสด) อยู่ที่ 0.58%YoY จาก 0.60%YoY ในเดือนก่อน ถือเป็นระดับต้าสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2018
อัตราเงินเฟ้อไทยที่ปรับสูงขึ้นมีปัจจัยสำคัญมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่สูงขึ้นกดดันให้ราคาหมวดพลังงานสูงขึ้นมากที่ 2.07%YoY จาก -0.90%YoY ในเดือนก่อน และราคาอาหารสดเร่งขึ้นเช่นกันที่ 3.75%YoY จาก 2.64%YoY ในเดือนก่อน เนื่องจากผลของสภาพอากาศที่ร้อนจัดส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตที่ลดลงและกดดันให้ราคาในหมวดอาหารสดปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะ ราคาผักและผลไม้ที่สูงขึ้น 2.77%YoY จาก -1.52%YoY ในเดือนก่อน
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมพลังงานและอาหารสด) ยังคงอยู่ในระดับต่ำจากเงินเฟ้อในหมวดสินค้าหมวดเครื่องนุ่งห่ม ราคหมวดเคหะสถาน (ค่าเช่าบ้านและค่าไฟ) และราคาหมวดการรักษาพยาบาลที่ลดลงเป็นหลัก สะท้อนถึงแรงกดดันจาก ก้าลังซื้อในประเทศที่ยังต่ำ